สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปลอดประสพ เผยสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคกลางไม่น่าห่วง

ปลอดประสพ" เผยสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคกลางไม่น่าห่วง

จากประชาชาติธุรกิจ

"ปลอดประสพ สุรัสวดี" ประธาน กบอ. กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคกลางไม่น่าเป็นห่วง และภายในอีก 3 วัน น้ำจากภาคตะวันออกจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน พร้อมยินดีรับฟังความคิดเห็น กรณีการคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์
 
นายปลอดประสพ สุรัสดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า ในส่วนของภาคตะวันออก หากไม่มีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากในช่วง 3 วันนี้ สถานการณ์ต่างๆ
 น่าจะคลี่คลายได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวเมืองเป็นพื้นที่ราบลุ่ม เมื่อฝนตกลงบนภูเขาสูงน้ำถูกแบ่งไป 2 ส่วน ส่วนหนึ่งไหลไปประเทศกัมพูชา อีกส่วนหนึ่ง ไหลเข้ามาในประเทศไทย แต่ด้วยบริเวณดังกล่าวมีแม่น้ำสายเล็กเพียง 3 สาย ประกอบกับ มีการปลูกสร้างบ้านเรือนปลูกริมน้ำ

“เมื่อน้ำมาจำนวนมากจึงไหลเข้าเมือง ในส่วนนี้จะใช้การระบายน้ำลงมีน้ำปราจีนบุรีไปลงแม่น้ำบางประกงเป็นหลัก ส่วนน้ำจากแม่น้ำนครนายกให้ชะลอการระบายจากเขื่อนขุนด่านปราการชล 2 วัน เพื่อให้ทันกับการระบายน้ำออกแม่น้ำปราจีนบุรีก่อน” นายปลอดประสพ กล่าว
 
นายปลอดประสพกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างสถานการณ์เริ่มดีขึ้นจากปริมาณน้ำที่ระบายออกไปลงแม่น้ำโขงทางอุบลราชธานี ส่วนในภาคกลางปีนี้มีปริมาณน้ำมาก จึงต้องเร่งระบายน้ำออกจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น อาจมีผลกระทบกับประชาชน ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำบางส่วนแต่เชื่อว่าโดยภาพรวมแล้ว สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง
 
ส่วนกรณีคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ประธาน กบอ.กล่าวว่า ขอพิจารณารายงานศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของนายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทานก่อน รัฐบาลพร้อมรับฟังการคัดค้านและข้อเสนอแนะ แต่การดำเนินการใดๆ จะต้องพิจารณา โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก


ถนนจมน้ำเพิ่มเป็น 32 สาย สะพานแยกสะแกกรัง-เขาพะแวง จ.อุทัยฯ ชำรุด รถผ่านไม่ได้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

กรมทางหลวงเผยถนน 16 จังหวัดถูกน้ำท่วมเพิ่มเป็น 32 สาย ทางหลวง 3320 (สะแกกรัง-เขาพะแวง) จ.อุทัยธานี สะพานชำรุด รถผ่านไม่ได้ บางแห่งระดับน้ำสูงถึง 70 ซม.
       
       นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ถนนของกรมทางหลวงที่ต้องประสบภาวะน้ำท่วมจนถึงวันที่ 24 กันยายนเพิ่มเป็น 32 สายทาง (รวม 34 แห่ง) ในพื้นที่ 16 จังหวัด โดยรถสัญจรผ่านได้ 27 แห่ง และไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 7 แห่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) แทน เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง ประกอบด้วย
       
       จังหวัดอุทัยธานี ทางหลวงหมายเลข 3319 บันไดสามขั้น-ทัพทัน ท้องที่อำเภอทัพทัน ช่วง กม.ที่ 17-18 ระดับน้ำสูง 70 เซนติเมตร, ทางหลวงหมายเลข 3456 หนองกระดี่-คลองข่อย ท้องที่อำเภอสว่างอารมณ์ ช่วง กม.ที่ 3-4 ระดับน้ำสูง 70 เซนติเมตร
       
       จังหวัดสุรินทร์ ทางหลวงหมายเลข 226 ลำน้ำชี-สุรินทร์ ท้องที่อำเภอเมืองสุรินทร์ ช่วง กม.ที่ 163-164 ระดับน้ำสูง 60 เซนติเมตร, ทางหลวงหมายเลข 226 สำโรงทาบ-ห้วยทับทัน ท้องที่อำเภอสำโรงทาบ ช่วง กม.ที่ 232-234 ระดับน้ำขาเข้าสูง 50 เซนติเมตร
       
       จังหวัดบุรีรัมย์ ทางหลวงหมายเลข 224 หนองต้อ-ตาเมียง ท้องที่อำเภอโคกกวด ช่องน้ำชำรุด กม.ที่ 169 ให้ใช้ทาง อบต.แทน
       
       จังหวัดศรีสะเกษ ทางหลวงหมายเลข 226 ห้วยทับทัน-ศรีสะเกษ ท้องที่อำเภอเมือง ช่วง กม.ที่ 268-269 ระดับน้ำสูง 45 เซนติเมตร, ทางหลวงหมายเลข 294 ทางเลี่ยงเมืองศรีสะเกษ ท้องที่อำเภอเมือง ช่วง กม.ที่ 1-2 ระดับน้ำสูง 35 เซนติเมตร
       
       ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนนที่จำเป็นต้อง สัญจรบนถนนทางหลวงในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย ขอให้โปรดใช้ความระมัดระวังในการใช้เส้นทางเพิ่มขึ้นด้วย และให้สอบถามเส้นทางก่อนเดินทางอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือทุกระยะในการเดินทาง สำหรับประชาชนที่ต้องการสอบถามสภาพเส้นทางการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรศัพท์ไปได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง ตลอด 24 ชั่วโมง 1586


ปราจีนบุรียังท่วมหนักในหลายอำเภอ “มาร์ค” ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวบ้าน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

บรรยากาศน้ำท่วมที่จังหวัดปราจีนบุรี ในหลายอำเถอยังคงท่วมหนัก แต่ละอำเภอท่วมเฉลี่ยประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับปากจะส่งเรื่องให้รัฐบาลแก้ไขอย่างเร่งด่วน
       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       บรรยากาศน้ำท่วมที่จังหวัดปราจีนบุรี ในหลายอำเภอยังคงท่วมหนัก แต่ละอำเภอท่วมเฉลี่ยประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับปากจะส่งเรื่องให้รัฐบาลแก้ไขอย่างเร่งด่วน
       
       วันนี้ (24 ก.ย.) บรรยากาศในช่วงเช้า ที่ตลาดเก่ากบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติ ระดับน้ำลดลง 20 เซนติเมตร หลังจากที่เมื่อวานทางจังหวัดยอมเปิดประตูระบายน้ำ 40 เซนติเมตร
       
       ที่หมู่บ้านท่ามะตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ปริมาณน้ำที่เข้าท่วม ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากบางจุดในหมู่่บ้าน ลึกเกิน 1 เมตร 50 เซนติเมตร และยังคงมีน้ำจากที่อื่นไหลมาสมทบอย่างต่อเนื่อง
       
       ขณะที่ พระสงฆ์ที่วัดท่าพาณิชย์ ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ต้องพายเรือออกมาบิณฑบาต หน้าทางเข้าวัด เนื่องจากปริมาณน้ำที่ท่วมบริเวณในพื้นที่วัดสูงกว่า 1 เมตร 50 เซนติเมตร โบสถ์ วิหาร จมอยู่ใต้น้ำ
       
       ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาในพื้นที่น้ำท่วมเพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำ ท่วม ที่หมู่บ้านท่ามะตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ทั้งนี้ชาวบ้านร้องขอให้นายอภิสิทธิ์ ช่วยแก้ไขเรื่องปัญหาน้ำท่วมโดยเร็ว นายอภิสิทธิ์ยังรับปากว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในวันนี้ เพื่อแก้ไขโดยเร็วที่สุด


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


       
       


น้ำท่วมโบราณสถานภาคกลางหลายแห่ง

จาก โพสต์ทูเดย์

น้ำท่วมโบราณสถานภาคกลางหลายแห่ง

กรมศิลปากร รายงาน โบราณสถานประเภทวัด เจดีย์ภาคกลางถูกน้ำท่วมหลายแห่ง เฝ้าระวังอีก 6 จุด

นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร รายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่กระทบโบราณสถานจากสำนักศิลปากร 15 แห่ง พบว่า ในส่วนของภาคเหนือยังไม่พบว่ามีโบราณสถานถูกน้ำท่วม ขณะที่สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี แจ้งว่าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เจ้าหน้าที่ได้สูบน้ำออกจาพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังแล้ว อาคารและโบราณวัตถุไม่ได้รับความเสียหาย

ส่วนพื้นที่สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี รายงานว่า ยังไม่พบสถานการณ์น้ำท่วม แต่จากการประเมินเบื้องต้นโบราณสถานที่มีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมและต้องเฝ้า ระวังมีทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่ พระสมุทรเจดีย์ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ป้อมแผลงไฟฟ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ วัดกุฏิ (ท่าแร้ง) อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี วัดเพชรสมุทรวรวิหาร อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม วัดเกาะศาลพระ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี และวัดใหญ่จอมปราสาท อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

ขณะที่ สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี รายงานว่า ในพื้นที่ วัดป่าเลไลย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากเขื่อนด้านหน้าริมแม่น้ำพังตั้งแต่ปีก่อน แต่ยังไม่ได้แก้ไข ทำให้น้ำกัดเซาะถึงฐานเจดีย์ของวัด ส่วนที่ จ.สุพรรณบุรี พบว่าที่วัดแค อ.เมือง น้ำจากแม่น้ำท่าจีนเข้าท่วมวิหารและเจดีย์รายสูง 25 เซนติเมตร และที่วัดปู่บัว อ.เมือง น้ำจากแม่น้ำท่าจีนเข้าท่วมบริเวณฐานเจดีย์ สูง 70 เซนติเมตร ส่วนที่วัดสำปะซิวและวัดโพธิ์คลาน อ.เมือง น้ำจากแม่น้ำท่าจีนเข้าท่วมจนไม่สามารถเข้าไปได้ ขณะที่วัดพระรูป อ.เมือง มีน้ำท่วมขังเจดีย์ด้านที่ติดแม่น้ำ รวมถึงที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ขณะนี้มีน้ำท่วมขังลานประทักษิณสูง 50 เซนติเมตร

สำหรับ พื้นที่ของสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย รายงานว่า อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร พบ โบราณสถานที่ได้รับผลกระทบ 3 แห่ง ได้แก่ วัดหนองพิกุลกำแพงแก้วที่มุมทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดบางส่วนจมน้ำที่ ล้นออกมาจากคูน้ำรอบวัด และวัดซุ้มกอ มีน้ำขังอยู่โดยรอบวัด รวมถึงป้อมทุ่งเศรษฐี พบว่ามีน้ำท่วมขังทั่วทั้งโบราณสถาน

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ภาคใต้และพื้นที่อื่นจากรายงานยังไม่พบว่ามีโบราณสถานถูกน้ำท่วมแต่อย่างใด


บางบาลน้ำสูง2ม.พบคนป่วยช่วยไม่ทันดับคาบ้าน

จาก โพสต์ทูเดย์

บางบาลน้ำสูง2ม.พบคนป่วยช่วยไม่ทันดับคาบ้าน

น้ำท่วมพื้นที่อ.บางบาลกรุงเก่าสูง2เมตร ชายป่วยโรคถุงลมโป่งพองหายใจไม่ออกเสียชีวิตกระทันหันช่วยไม่ทัน

นายสมจิตร สุขกรุง  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.บางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมอาสาสมัครกู้ภัยอยุธยา นำเรือวิ่งผ่านกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราด ระดับความสูง 2 เมตร ไปรับศพนายกิม สามารถ จากบ้านเลขที่ 31หมู่ที่ 2 ต.บางบาล  ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคถุงลมโป่งพอง เมื่อคืนกลางดึก หลังมีอาการหายใจไม่ออกอย่างกะทันหัน และญาติไม่สามารถพาไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา ด้วยน้ำจากเจ้าพระยาไหลเข้าตามคลองบางบาลและท่วมชุมชนสูง
 
นอกจากนี้ พบว่าตามประเพณีท้องถิ่นคนชราเสียชีวิตในบ้านพักจะต้องมีการตั้งสวดพระ อภิธรรมศพที่บ้าน แต่ครั้งนี้ไม่สามารถทำได้  เพราะน้ำท่วมสูง  อีกทั้งจะนำศพไปที่วัดบางบาลในชุมชน ก็ไม่สามรถทำได้อีก ด้วยวัดและเมรุเผาศพ  ถูกน้ำท่วมสูงเช่นกัน จึงนำเป็นต้องเคลื่อนศพไปยังวัดยม ซึ่งเป็นวัดกลางทุ่งนา น้ำยังท่วมไม่ถึง แต่ตั้งอยู่ห่างไปอีก 4 กิโลเมตร เพื่อเป็นสถานที่สวดและเผาศพตามประเพณีต่อไป


น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นท่วมพื้นที่ริมฝั่งปทุมธานี

จาก โพสต์ทูเดย์

แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมสองฝั่งปทุมฯ

น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นท่วมพื้นที่ริมฝั่งปทุมธานี ขณะที่คลองรังสิตระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. มวลน้ำจากอ.บ้านนา จ.นครนายกและอ.วิหารแดง จ.สระบุรี ไหลมาสมทบแม่น้ำไนเอ่อล้นท่วมชุมชน แสนจำหน่าย ซอย 2 หมู่ 5 ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จมกว่า 40 หลังคาเรือนเดือดร้อนมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์ เฉลี่ยถูกน้ำท่วมสูงที่ 80-90 ซม. ส่งผลทำให้การสัญจรไปมายากลำบาก ขณะที่ประตูน้ำด้านคลองระพีพัฒน์ พบว่าระดับน้ำยังสูงกว่าในคลองรังสิตประมาณ 1.30 ซม

ด้านนาย ชาญ พวงเพ็ชร์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ร่วมกับทาง อบต. ศาลาครุ ก็ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน และ แก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้กับชาวบ้าน โดยให้ทาง อบต. ศาลาครุ นำไม้กระดานมายกพื้นขึ้นเป็นทางเดินให้กับชาวบ้านในการสัญจรไปมา 

ขณะที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมพื้นที่ริมแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่ง ในเขต อ.เมืองปทุมธานีและ อ.สามโคก โดยทางด้านฝั่งตะวันออก พบว่าน้ำได้เอ่อท่วมวัดโพธิ์เลื่อน หมู่ 1 ต.บ้านกระแชง อ.เมืองปทุมธานี รวมทั้งโรงเรียนวัดโพธิ์เลื่อน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.บ้านกระแชง ตั้งอยู่ในบริเวณวัด ระดับน้ำสูงเกือบ 30 ซม. เป็นเหตุให้ ข้าวของที่เก็บไว้ชั้นล่างเสียหาย 

น.ส.จิดาภา บุญสร้างสม  ผู้อำนวยการวัดโพธิ์เลื่อน กล่าวว่า ที่โรงเรียนถูกน้ำท่วมชั้นล่าง แต่ยังมีห้องเรียนอีก 2 ชั้น ยังเปิดโรงเรียนตามปกติเพราะใกล้สอบปลายภาคเรียน โดยทาง อบจ.ปทุมธานี สนับสนุนการทำ ห้องน้ำและสะพานทางเดินให้นักเรียนเดินเข้าออกโรงเรียนในเบื้องต้น นายชาญกล่าวว่าทางอบจ.ปทุมธานีได้ออกประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนและชุมชน ที่อาศัยอยู่นอกแนวเขื่อนคันกั้นน้ำ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยให้ยกของขึ้นที่สูง รวมถึงปลั๊กไฟ อีกทั้งอาจจะได้รับผลกระทบจากคลื่นกระทบของเรือด่วน พร้อมกันนี้ ให้เจ้าหน้าที่ลงไปช่วยเหลือเบื้องต้น โดยการทำสะพานทางเดินและจัดทำตารางน้ำขึ้น-น้ำลงของกรมอุทกศาสตร์ ไปประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนรับทราบทุกวัน

ส่วนบริเวณประตูระบายน้ำคลองเปรมรังสิตเหนือ หมู่ 1 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ชลประทาน ต้องเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่คลองเปรมประชากร ที่รับน้ำมาจาก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยการปิดประตูระบายน้ำแล้วทำการสูบออก ด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง เพื่อสูบออกตลอด 24 ชม. เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน โดยการสูบน้ำลงสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ ให้ไหลออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

นอกจากนี้ที่ชุมชนหน้าวัดบางหลวง หมู่ 4 ต.บ้านฉาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นชุมชนที่มีลักษณะคล้ายเกาะ เนื่องจากฝั่งตะวันออกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาและฝั่งตะวันตกติดกับคลองบาง หลวง ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เอ่อสูง ได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ของชุมชน มีระดับความสูงประมาณ 30-40 ซม.

นางอรสา ภุมกาญจน์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.บ้านฉาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ชุมชนตั้งอยู่คล้ายเกาะกลางแม่น้ำเพราะมีแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองบาง หลวงล้อมรอบ โดยช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีน้ำเอ่อเข้าท่วมชุมชนที่มีอยู่กว่า 200 หลังคาเรือน แต่ระดับน้ำยังคงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ แต่วันนี้ระดับน้ำสูงมากขึ้นกว่าเดิม โดยน้ำจะไม่ค่อยลดลงแล้ว มีแต่จะสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านในชุมชน ต่างก็ยกข้าวของขึ้นที่สูงหมดแล้ว

นายธีรวุฒ กลิ่นสุขุม นายกเทศบาลนครรังสิต กล่าวว่า ในเขตพื้นที่เทศบาลนครรังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ว่า ขณะนี้ระดับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ได้เพิ่มสูงมากขึ้นเนื่องจากมีน้ำไหลมาจากองครักษ์ จ.ดนครนายก และน้ำจากคลองซอยต่าง ๆ ตั้งแต่คลองหนึ่ง ถึงคลองสิบห้า ฝั่งทิศเหนือ ที่ติดกับคลองระพีพัฒน์ ได้มีการเปิดประตูน้ำระบายลงคลองรังสิต ทำให้ระดับน้ำในคลองเพิ่มขึ้นทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนที่ปลูกอยู่ริม คลอง ทำให้ทางเทศบาลนครรังสิต ได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่จำนวน 90 เครื่อง สูบน้ำภายในชุมชนลงคลองรังสิตและเทศบาลนครรังสิตยังเร่งเดินเครื่องสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำออก สู่แม่น้ำเจ้าพระยา

ส่วนการ ระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ล่าสุดวันนี้ในทุกจุดกรมชลประทานได้เพิ่มการระบายน้ำเกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเกือบเต็มความจุลำน้ำ โดยที่เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำอยู่ที่ 2,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีซึ่งกรมชลประทานแจ้งว่า จะเพิ่มการระบายน้ำให้ถึง  2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในวันที่ 29 ก.ย


ทหารสนธิตำรวจช่วยเหยื่อน้ำท่วมสุรินทร์

จาก โพสต์ทูเดย์

ทหารสนธิตำรวจช่วยเหยื่อน้ำท่วมสุรินทร์

ทหารสนธิกำลังตำรวจเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมสำโรงทาบ ขณะที่สุรินทร์มีผู้เสียชีวิตแล้ว7ราย

พล.ต.นิรุทธ เกตุสิริ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์ จัดกำลังพร้อมรถบรรทุกและเรือท้องแบน เข้าเสริมการช่วยเหลือประชาชนในเขตเทศบาลต.สำโรงทาบ อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ หลังระดับน้ำท่วมสูงขึ้นและไหลเข้าท่วมที่ว่าการอ.สำโรงทาบ,เทศบาลตำบลสำโรง ทาบ,โรงพยาบาลสำโรงทาบและบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลต.สำโรงทาบ ระดับน้ำท่วมสูง 30-70 เซนติเมตร กำลังพลในสังกัดจังหวัดทหารบกสุรินทร์ ,ร.23 พัน 3 ,ตำรวจตระเวนชายแดนและฝ่ายปกครอง ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้ระดมรถยนต์ เรือท้องแบน ออกให้บริการประชาชนในการเดินทางเข้าและออกหมู่บ้าน และรับส่งผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย เข้าไปยังโรงพยาบาลสำโรงทาบ สร้างความประทับใจให้กับผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก
 
นอกจากนี้ผู้ บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์ พร้อมด้วย ร.ต.นครินทร์ เกตุสิริ นายอำเภอสำโรงทาบ ได้นำข้าวสาร อาหารแห้ง ขึ้นเรือท้องแบนออกแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่  บ้านหนองตีนเกวียน หมู่ที่ 5 ต.กระออม อ.สำโรงทาบ จำนวน 36 ครอบครัว และพระภิกษุวัดป่าทรายแก้ว บ้านหนองหมก ต.กระออม ซึ่งถูกน้ำท่วมสูงล้อมหมู่บ้านจนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและต้องอยู่ด้วยความ ยากลำบาก ขณะที่ผู้สูงอายุต้องหาสังกะสีมารองเพื่อก่อไฟหุงข้าวและคลายหนาวในช่วงกลาง คืน  
 
น.ส.บังอร มานุสอน บ้านหนองตีนเกวียน กล่าวว่า ขอขอบคุณทหารเป็นอย่างมากที่นำอาหารมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน มิฉะนั้นผู้ประสบภัยทั้ง 36 ครอบครัว คงไม่มีอาหารตกถึงท้อง เนื่องจากไม่สามารถออกจากหมู่บ้านได้ ขณะที่ข้าวสารและอาหารแห้งที่มีอยู่ก็ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด
 
อย่าง ไรก็ตามเส้นทางรถไฟในพื้นที่ อ.สำโรงทาบ ที่ถูกน้ำท่วมตัดขาดกว่า 3 กิโลเมตร ระหว่างสถานีอุทุมพร จ.ศรีสะเกษ ซึ่งกระแสน้ำได้พัดหินที่หนุนทางรถไฟไปกับกระแสน้ำเสียหายนั้น เจ้าหน้าที่การรถไฟได้นำรถไฟบรรทุก เดินทางมุ่งหน้าไปขนบรรทุกหินที่สถานีลำชี ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อมาซ่อมแซมทางรถไฟที่เสียหายแล้วอย่างต่อเนื่อง จนกว่าน้ำจะลดและทำการซ่อมเสร็จจึงจะสามารถเปิดบริการได้  ส่วนถนนเส้นหลักระหว่าง อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ กับ อ.สำโรงทาบ จ. ถูกตัดขาด รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้เช่นกัน นอกจากนี้เส้นทางสายลำชี ต.คอโค จ.สุรินทร์ กับ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรผ่านได้
 
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.ต่างๆของ จ.สุรินทร์ โดยรวมระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังคงมีท่วมขังในบางพื้นที่ โดยเฉพาะหมู่บ้านท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ที่ยังคงถูกท่วมจากการระบายน้ำออกยังไม่หมด ขณะที่ จ.สุรินทร์ มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุน้ำท่วมแล้ว 7 ราย


เขื่อนพิมายล้นเปิดประตู6บานพร่องน้ำทิ้ง

จาก โพสต์ทูเดย์

เขื่อนพิมายล้นเปิดประตู6บานพร่องน้ำทิ้ง

เขื่อนพิมายน้ำกักเก็บล้นเปิดประตูน้ำทั้ง 6 บาน สังเกตระดับน้ำงระบายทิ้ง แจ้งประชาชนขนย้ายของขึ้นที่สูง

เจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้เปิดประตูระบายน้ำทั้ง 6 บานเพื่อระบายน้ำทิ้งหลังจากฝนตกหนักติดต่อกัน  3 วันที่ผ่านมาทำให้ระดับน้ำเกินกักเก็บ หรือมีระดับความสูงกว่าผิวน้ำ โดยมีปริมาณน้ำที่ไหลผ่านประตูระบายน้ำเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 16 ล้านลูกบาศก์เมตร อีกทั้งยังได้ทำการเปิดประตูระบายน้ำเพื่อผันน้ำลงคลองส่งน้ำ จำนวน 2 บาน สูง 80 เซนติเมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่านประตูระบายน้ำเฉลี่ยวันละ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร
 
ทั้งนี้ เพื่อทำการเร่งระบายน้ำรองรับปริมาณน้ำจากลำน้ำลำตะคอง,ลำเชียงไกล , ลำบริบูรณ์ และลำมูล ที่รองรับรับปริมาณน้ำจากในพื้นที่อ.เสิงสาง และอ.ครบุรี ซึ่งยังคงมีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลมารวมกันที่เขื่อนระบายน้ำพิมาย

อย่างไรก็ตามทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ได้จัดกำลังเจ้า หน้าที่ทำการสังเกตปริมาณน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่ต่างๆที่จะไหลมารวมอยู่ที่ เขื่อนระบายน้ำพิมายเป็นจุดสุดท้ายนั้นมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าไร เพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่อาศัยอยู่ติดตลิ่งให้มีการเก็บทรัพย์สินที่ มีค่าไว้ในที่สูง


พิษณุโลกพนังกั้นน้ำพังซ้ำจม500หลัง

จาก โพสต์ทูเดย์

พิษณุโลกพนังกั้นน้ำพังซ้ำจม500หลัง

ระดมทหารพิษณุโลกอุดพนังกั้นน้ำพังไม่เป็นผลกระแสน้ำกัดเซาะพนังพังซ้ำจมบ้านเรือน 500 หลัง

จ.ส.ท.ชัยวัฒน์ มิ่งมา หัวหน้าชุดบรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารสื่อสารที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ได้ นำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวน 24 นาย พร้อมอุปกรณ์เข้าร่วมกับทางทหารจากกองบิน 46 กองพลบินที่ 3 จ.พิษณุโลก นำทหาร 30 นาย และ เทศบาลตำบลเนินกุ่ม ช่วยกรอกกระสอบทราย 2,500 ใบ มาช่วยเหลือในการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำคลองเนินกุ่มที่เกิดแตกประมาณ 100 เมตร ที่บริเวณ หมู่ที่ 1 บ้านท่ายาง ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก   ส่งผลให้มีน้ำไหลทะลักท่วมถนนระยะทางกว้าง ก่อนไหลบ่าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน วัด โรงเรียน และพื้นที่การเกษตร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางกำลังพลร่วมกับชาวบ้าน เร่งกรอกกระสอบทราย และนำไม้ยูคาไปทำผนังกั้นน้ำที่คลองเนินกุ่ม เพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและท้องนาเพิ่มมากขึ้น

นางสนม นาชาวนา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเนินกุ่ม กล่าวว่า ได้ประสานขอความร่วมมือนำจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกมากั้นน้ำ พร้อมขอกำลังเจ้าหน้าที่จากกองบิน 46 และ กองพลทหารราบที่ 4 มาช่วยสร้างพนังกั้นน้ำโดยได้เริ่มลงมือตั้งแต่เมื่อวานแต่ไม่ประสบความ สำเร็จ เนื่องจากกระแสน้ำได้กัดเซาะพนังกั้นน้ำขยายกว้างมากขึ้นน้ำไหลเชี่ยวกราก เป็นอุปสรรค์ในการอุดช่องดังกล่าว ส่งผลให้ขณะนี้น้ำได้ท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 500 หลังคาเรือน นาข้าวถูกน้ำท่วมขัง 7,000 ไร่  และได้เสียหายไปแล้ว 2,000 ไร่ จึงต้องเร่งซ่อมแซมพนังกั้นน้ำให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น


น้ำท่วมศรีสะเกษเดือดร้อน3.5แสนคน

จาก โพสต์ทูเดย์

น้ำท่วมศรีสะเกษเดือดร้อน3.5แสนคน

น้ำท่วมศรีสะเกษ 19 อำเภอเดือดร้อน 3.5 แสนคนเสียชีวิต 3 ราย

นายสุขสันต์ บุญโทแสง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ (ปภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ จ.ศรีสะเกษ มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 19 อำเภอ 119 ตำบล 1,173 หมู่บ้าน คิดเป็น 43.92% ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 85,934 ครัวเรือน 350,888 คน ในจำนวนนี้พบผู้เสียชีวิต 3 ราย และมี 3 อำเภอ ที่ยังไม่ประสบภัย ได้แก่ อ.กันทรารมย์ บึงบูรพ์ และ ศิลาลาด ส่วนพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 159,520 ไร่ บ้านเรือนราษฎรสิ่งสาธารณูปประโยชน์ได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ถนนเสียหาย 155 สาย สะพาน คอสะพาน 6 แห่ง ฝาย ทำนบ 6 แห่ง วัด 9 แห่ง โรงเรียน 4 แห่ง และโรงพยาบาล 1 แห่ง

นายสุขสันต์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากอิทธิพลของดีเปรสชั่นทำให้เกิดฝนตกหนักบริเวณอำเภอเมืองศรีสะเกษ ทำให้ระดับน้ำที่ M.190 บ้านขวาว อ.อุทุมพรพิสัย ล้นตลิ่ง ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน ระดับน้ำที่ลำห้วยสำราญมีปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ 16 ชุมชน ส่งผลให้เขตเทศบาล จมอยู่ใต้น้ำ ทางจังหวัดจึงอพยพราษฎรบางส่วนไปยังจุดรองรับผู้อพยพที่จัดเตรียมไว้แล้ว โดยคาดว่าปริมาณน้ำจะขึ้นสูงสุดที่สถานี M.9 สะพานขาว ประมาณ 13.00 – 13.50 ม. ในวันที่ 25-26 ก.ย. นี้

ขณะนี้ระดับน้ำที่สะพานขาว (M9) เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ (24 ก.ย.) วัดระดับน้ำได้ที่ 13.05 ม. ล้นตลิ่งอยู่ 4.05 ม. ทำให้ในพื้นที่ลุ่มต่ำถูกน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขา ด้านบนของห้วยสำราญยังคงเพิ่มสูงอยู่ โดยจังหวัดได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่เจ้าหน้าที่เขื่อนหัวนา ต.หนองแก้ว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ได้เร่งเปิดบานประตูเขื่อนเพื่อเร่งระบายน้ำแม่น้ำมูลหลังจากที่มีน้ำป่าจาก แนวเทือกเขาพนมดงรักไหลบ่าเอ่อล้นตามลำห้วยต่างๆเข้าท่วมในเขตพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ล่าสุดจังหวัดศรีสะเกษได้ประกาศอำเภอที่ประสบภัยแล้ว 19 อำเภอ ซึ่งมวลน้ำทั้งหมดจะไหลลงสู่แม่น้ำมูล โดยพื้นที่อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษเป็นอำเภอสุดท้ายที่มวลน้ำจะเคลื่อนตัวผ่าน


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view