สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สุภรณ์ ใหญ่เหนือกฎหมาย สั่งห้ามดำเนินคดีผู้ชุมนุมเสื้อแดงปิดถนน

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

อุบลราชธานี - งานเข้า “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้ยาหอมผู้ชุมนุมปิดถนนประท้วงค่าชดเชยสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อ 40 ปีก่อน พร้อมสั่งห้ามตำรวจดำเนินคดี ทั้งให้ กฟผ.อำนวยความสะดวกหาไฟให้ใช้ และจัดสรรที่ดินหน้าเขื่อนมาให้ผู้ชุมนุมใช้ทำกินที่อ้างว่าตกหล่น 390 ราย
       
       จากการชุมนุมปิดถนนสายสิรินธร ไปด่านสากลช่องเม็ก บริเวณหน้าเขื่อนสิรินธร อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 5-10 ก.ย.ที่ผ่านมา ของกลุ่มที่อ้างตัวเป็นผู้เดือดร้อนจากการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อ 40 ปีก่อน ประมาณ 300 คน เรียกร้องให้กระทรวงพลังงานเพิ่มรายชื่อผู้ที่จะได้รับเงินค่าชดเชยกรณีเป็น ผู้ตกหล่นรายละกว่า 4 แสนบาท ซึ่งกระทรวงพลังงานส่งรายชื่อผู้สมควรได้รับค่าชดเชยเมื่อ 27 ส.ค. เพราะเป็นผู้มีรายชื่อตกหล่นจริงให้ ครม.อนุมัติ 43 ราย ทำให้ชาวบ้านที่เหลือกว่า 390 ราย ไม่พอใจออกมาชุมนุมกดดันอีกครั้ง
       
       ทั้งนี้ แกนนำชาวบ้านที่เรียกร้อง ได้ไปหารือถึงข้อเรียกร้องดังกล่าวกับนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งการหารือใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปว่านายสุภรณ์จะออกหนังสือสั่งการให้กระทรวงพลังใช้หลักเมตตาธรรม ช่วยเหลือชาวบ้านที่เหลืออีกกว่า 390 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มทายาทและลูกหลานของผู้ได้รับผลกระทบมีที่ดินทำกิน
       
       โดยให้สำรวจพื้นที่ บริเวณหน้าที่ตั้งเขื่อนสิรินธรประมาณ 5,000 ไร่ นำมาจัดสรรแบ่งให้กับกลุ่มผู้อ้างว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบตามสมควร โดยให้หัวหน้าสำนักงานรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ลงมาดูพื้นที่ก่อนทำการแบ่งสรรที่ดิน และระหว่างนี้ จะมีหนังสือสั่งการไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้เขื่อนสิรินธรจัดหาแสงสว่างให้กับผู้ชุมนุมที่ไปสร้างเพิงพักบนที่ดินที่ จะจัดสรรไว้ล่วงหน้าแล้ว
       
       และจะสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ งดดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ทำการปิดการจราจรจำนวน 2 ช่องทางเดินรถระหว่างการชุมนุมที่ผ่านมาทั้งหมดด้วย ทำให้ตัวแทนผู้ชุมนุมพอใจพากันเดินทางกลับในเย็นวันเดียวกัน
       
       สำหรับปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.2513 ครั้งนั้นมีการโยกย้ายชาวบ้านที่จะต้องถูกน้ำท่วมออกไปตั้งบ้านเรือนอยู่ใน ตำบลนิคมลำโดมน้อย อ.สิรินธร แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีสภาพภูมิประเทศเป็นหินภูเขาไม่สามารถทำการเพาะ ปลูกได้ ชาวบ้านต้องเปลี่ยนอาชีพเป็นชาวประมงหาปลาในอ่างเก็บน้ำ หรือในแม่น้ำมูล แต่ส่วนใหญ่ต้องออกไปทำงานรับจ้างต่างถิ่นหาเลี้ยงครอบครัว
       
       กระทั่งต่อมามีการสร้างเขื่อนปากมูลในอำเภอโขงเจียม ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน และครั้งนี้มีชาวบ้านออกมาเรียกร้องค่าชดเชยการสูญเสียอาชีพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านที่เคยได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิรินธรเข้าร่วมด้วย
       
       ต่อมาสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อปี 2549 เห็นเป็นความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบจริง จึงอนุมัติช่วยเหลือจัดหาที่ดินทำกินให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้าง เขื่อนสิรินธรคนละ 15 ไร่ ทั้งสิ้น 2,519 ครอบครัว แต่ก็ยังมีชาวบ้านอ้างตัวเป็นทายาท เป็นลูกหลาน และเป็นผู้มีรายชื่อตกหล่นจำนวนมากเรียกร้องเพิ่มเติม
       
       ต่อมากลุ่มผู้เรียกร้องได้เข้าร่วมเป็นแนวร่วม นปช.ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ชาวบ้านได้ออกมาเรียกร้องทวงสัญญา จึงมีการพิจารณากลั่นกรองจนได้รายชื่อของผู้มีรายชื่อตกหล่นและยังไม่เคยได้ รับการช่วยเหลือมาก่อนจริงจำนวน 43 ราย ทำให้ชาวบ้านที่เหลือไม่พอใจที่ ครม.ให้ชดเชยในจำนวนดังกล่าว จึงพากันออกมาปิดถนนกดดันและเข้าร่วมหารือจนได้ข้อสรุปดังกล่าว


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view