จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
รอยล"ห่วงสองเขื่อน"ขุนด่านปราการชล-ลำนางรอง"น้ำใกล้เต็ม จับตาฝนระลอกใหม่ 25-29 ก.ย.นี้
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยนายรอยลจิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรกล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยขณะนี้เกิดใน 21 จังหวัด 114 อำเภอ มีประชาชนเดือดร้อน 604,788 คน แบ่งเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด,ภาคเหนือ 4 จังหวัด ,ภาคกลาง 7 จังหวัด ,ภาคตะวันออก 2 จังหวัด และภาคใต้ 1 จังหวัด แต่โดยรวมแล้วน้ำปีนี้มากกว่าปี 2555 แต่ยังน้อยกว่าปี 2554 โดยจากการตรวจสอบปริมาณน้ำสถานีบ้านค่ายจิระประวัติ จ.นครสวรรค์ พบว่าแม่น้ำเจ้าพระยายังสามารถรองรับน้ำได้อีก แต่ที่ที่น่ากังวลคือในวันที่ 25 - 29 ก.ย.นี้ จะมีร่องมรสุมพาดผ่านเข้ามาทางภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างอีกรอบ ซึ่งจะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาคกลาง กทม.และปริมณฑล และภาคตะวันออก ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดคือ เขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งขณะนี้มีน้ำอยู่ 92% ของความจุ สามารถรับได้อีกแค่ 17 ล้าน ลบ.ม. และ เขื่อนลำนางรองมีน้ำอยู่ 81% ของความจุ หากฝนตกลงมาอย่างหนักอีกรอบจะทำให้น้ำจากเขื่อนลำนางรองจะทะลักออกไปทางจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนตัวพื้นที่น่าเป็นห่วงคือ จ.อุบลราชธานี ที่จะต้องรับน้ำจาก จ.สุรินทร์ และจ.ศรีสะเกษ ซึ่งหากเกิดฝนตกในพื้นที่จะทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งได้” นายรอยล กล่าว
นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ในระยะนี้จะเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ไม่เกินวันละ 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้น้ำในเจ้าพระยาที่ จ.สิงห์บุรีเพิ่มขึ้น 50 ซม.จ.อ่างทอง 40 ซม.และที่ จ.พระนครศรีอยุธยา 35 ซม.ยืนยันว่าน้ำจำนวนนี้จะไม่ล้นคันกั้นน้ำที่กรมชลประทานสร้างไว้และไม่ล้นจ.พระนครศรีอยุธยาแน่ อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านที่อยู่ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาอาจมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบ
ด้านนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำใน กทม.ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ที่ห่วงคือ ปัญหาถนนใน กทม.ที่ทรุดลงเรื่อยๆ และกำลังเริ่มเป็นแอ่งกระทะ ทำให้การระบายน้ำออกจากตรอก ซอก ซอย ลงสู่ลำคลองได้ลำบาก กทม.จึงสั่งการให้สถานีสูบน้ำจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำเอาไว้ให้พร้อมทุกเครื่อง ซึ่งก็ได้เตรียมเรื่องการเฝ้าระวังและการแจ้งเตือนประชาชนให้เก็บของขึ้นที่สูงก่อนน้ำจะมา อย่างไรก็ตามกทม.ได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัดปริมณฑลเตรียมรับมือสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่าจะมีการประสานกับกทม. ปริมณฑล รวมทั้งหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้เกิดการประสานงานในภาพรวม ทั้งนี้ทางกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า โดยมีผู้ว่าฯ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และให้แต่ละอำเภอตั้งศูนย์ประสานงานขึ้นมา เพื่อระดมกำลังเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครจัดวางกระสอบทราย และเครื่องสูบน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ย่านชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม และโบราณสถานเอาไว้ให้พร้อม
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
