จาก โพสต์ทูเดย์
ภาพกราฟฟิกแสดงพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวัง10จุดในเขตกทม.หากเกิดฝนตกหนัก การระบายน้ำมีปัญหาทำให้เกิดน้ำท่วมขัง
ในภาพเป็นกราฟฟิก แสดงพื้นที่เฝ้าระวัง10จุดในเขตกรุงเทพมหานคร มีโอกาสเกิดฝนตกหนัก ปริมาณเกิน60มิลลิเมตรต่อชม.เนื่องจากเป็นพื้นที่ลาดต่ำ การระบายน้ำมีปัญหาอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้
นายสัญญา ชีนิมิตร รองปลัดกทม. กล่าวว่า ตามที่คาดการณ์ว่าในวันที่ 19-20 ก.ย. กทม.จะมีฝนตกหนัก 100 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ตลอดทั้งวัน ผู้ว่าฯ กทม. จึงสั่งการให้ขุดลอกคูคลองและท่อระบายน้ำ รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่จุดอ่อน แต่หากเกิดฝนตกในชั่วโมงเร่งด่วนแนะนำให้เลี่ยงเวลาการเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดหนัก หรือมีข้อร้องเรียนและขอความช่วยเหลือ ติดต่อสายด่วนกทม. 1555 ตลอด 24 ช.ม.
รองปลัดกทม.กล่าวอีก ว่า กทม.ถือเป็นแอ่งกระทะ ทำให้พื้นที่ต่ำประสบปัญหาน้ำท่วมขัง จึงใช้วิธีแก้ปัญหาโดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ แต่จากการพัฒนาระบบทำให้ระบายน้ำท่วมขังเร็วขึ้นกว่าเดิมคือ เมื่อเกิดฝนตกเกิน 60 ม.ม.จะใช้เวลาระบาย 2-3 ช.ม. จากเดิม 5-6 ช.ม. ขณะที่อุโมงค์ยังใช้การได้ตามปกติ แต่ยอมรับว่าระบบคลองไม่สมบูรณ์ เพราะคลองสายหลักยังติดปัญหาการรุกล้ำจากประชาชน
"กทม.ยัง ใช้เทคนิคนำกระสอบทรายใส่ลงในท่อระบายน้ำ เพื่อปิดล้อมพื้นที่บล็อกน้ำแล้วสูบน้ำออกคลองในพื้นที่ต่ำมาก อาทิ ถนนรามคำแหง เพราะเทคนิคนี้ยังจำเป็น และบางจุดติดตั้งประตูอัตโนมัติในท่อระบายน้ำแล้ว" รองปลัดกทม.กล่าว
นาย อดิศักดิ์ ขันตี ผอ.สำนักการระบายน้ำ กทม. กล่าวว่า สำหรับฝนที่จะตกหนักในพื้นที่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ช่วงวันที่ 19-20 ก.ย.นั้น กทม.เตรียมความพร้อมรับมือ โดยตั้งศูนย์ประสานงานใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ สำนักการระบายน้ำ ดินแดง วัดภาษีเจริญ ฝั่งธนบุรี และบริเวณบึงหนองบอน ข้างสวนหลวง ร.9 นอกจากนี้ยังตั้งศูนย์ประสานงานเฉพาะกิจส่วนหน้า บริเวณด้านหน้ากรมการขนส่งทางบก (ขส.) จตุจักร รวมทั้งตั้งหน่วยเคลื่อนที่ทำงานร่วมกับเขต 50 เขต เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ที่สถานีสูบน้ำคลองต่างๆ และจุดอ่อนน้ำท่วมซ้ำซากทุกแห่ง ส่วนริมเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยาติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รวมทั้งนำกระสอบมาเสริมเป็นแนวชั่วคราว ส่วนบริเวณท่าเรือติดตั้งเครื่องสูบน้ำและจัดกระสอบสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
