จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ธีระชัย"ปูดรัฐบาลเมินข้อเสนอแนะป้องกันทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของธ.ก.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า
ข้อเสนอของ ธกส. ต่อรัฐบาล ที่ไม่ได้รับความสนใจ
ในช่วงที่ผมเข้าดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีคลัง เป็นเวลาห้าเดือนเศษ ระหว่างวันที่ 7 สิงหาคม 2554 ถึงวันที่ 17 มกราคม 2555 นั้น ผมเป็นประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรโดยตำแหน่งด้วย เพราะกฎหมายกำหนดไว้
ในการประชุมคณะกรรมการ ธกส. ในช่วงเดือนกันยายน 2554 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นโครงการจำนำข้าวนั้น คณะกรรมการมีข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาทุจริตและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในโครงการดังกล่าว ผมและกรรมการหลายท่านจึงได้ตั้งข้อสังเกตไว้แก่กระทรวงพาณิชย์หลายข้อ เพื่อป้องกันและลดโอกาสเสียหายให้เหลือน้อยเท่าที่จะทำได้ เช่น
1 กระทรวงพาณิชย์ควรมีระบบป้องกันการทุจริตอย่างครบวงจร เช่น การสวมสิทธิ์ข้าวของโรงสี ต้องตรวจปริมาณข้าวของโรงสีก่อนเริ่มโครงการ ต้องกำหนดให้โรงสีจัดทำ Stock card ต้องวางระบบตรวจสอบปริมาณข้าวเปลือกในโรงสีทุกเดือน และให้ผู้สอบบัญชีหรือกรมสรรพากรตรวจปริมาณข้าวทุกเดือน เป็นต้น
2 กระทรวงพาณิชย์ควรตั้งเงื่อนไขเพื่อควบคุมปริมาณข้าวที่แปรสภาพเพื่อส่งเก็บเข้าโกดังกลางให้รัดกุม โดยกำหนดในสัญญาให้ชัดเจน รวมทั้งต้องมี Surveyor กลางตรวจรับข้าวสาร ณ โกดังกลางด้วย
3 การออกหนังสือรับรองเกษตรกร ควรกำหนดให้มีการทำประชาคมด้วยวิธีเปิดเผย 3 วัน โดยมีคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร และหัวหน้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงลายมือชื่อรับรองร่วมกับเกษตรกร
4 กระทรวงพาณิชย์ควรมีการกำหนดแนวทางการป้องกันเกษตรกรถูกเอาเปรียบ เรื่องการวัดความชื้นและน้ำหนัก โดยกำหนดให้มีเครื่องวัดความชื้นประจำที่โรงสีที่เข้าร่วมโครงการ และมีผู้ควบคุมดูแลประจำที่โรงสี รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ควรจัดทำตารางแสดงราคาที่ลดหลั่นลงไป เมื่อมีการหักลดความชื่นและสิ่งเจือปน ประกาศไว้่ ณ โรงสีที่เข้าร่วมโครงการ
5 กระทรวงพาณิชย์ควรมีการระบายข้าวเปลือกออกไปอย่างเป็นระบบโดยเร็ว เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเก็บข้าวเปลือก และลดความเสียหายจากข้าวเสื่อมสภาพ
ทั้งนี้ ผมได้ลงนามในคำสั่ง ธกส. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามการกำกับและบริหารความเสี่ยงจากการดำเนินโครงการรับจำนำสำหรับ ธกส. เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 และภายหลัง ผมได้พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีคลังเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2555
ข้อสังเกตเหล่านี้ ได้มีการบันทึกไว้ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ธกส. อย่างชัดเจน
เพื่อสื่อสารข้อสังเกตดังกล่าว ผู้บริหาร ธกส. ได้จัดพิมพ์หนังสือขนาดเล็กขึ้นเล่มหนึ่ง เรียกว่า ข้อเสนอ แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ที่ผมแสดงรูปหน้าปกไว้นี้
ในหนังสือดังกล่าว ธกส. มีข้อเสนอเพื่อป้องกันความเสียหาย ตามแนวทางที่คณะกรรมการกำหนดข้างต้น แสดงในหน้า 17 - 24
ผู้จัดการ ธกส. ได้ส่งหนังสือดังกล่าวไปให้แก่นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์) รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ด้วย
ผลปรากฏว่าข้อเสนอดังกล่าว ได้มีการปฏิบัติเพียงไม่กี่ข้อ
ข้อสังเกตในหนังสือดังกล่าว ที่ไม่ได้รับความสนใจ หรือมีการนำไปปฏิบัติแต่เพียงบางจุดไม่ครบถ้วน เช่น
ก) ให้มีการตรวจสต๊อกของโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการก่อนเริ่มรับมอบข้าวเปลือกจากเกษตรกร และระหว่างดำเนินโครงการ โดยจัดทำเป็นบัญชีแสดงข้าว (Stock Card) จำแนกให้ชัดเจน และให้มีผู้สอบบัญชีภายนอกดำเนินการตรวจสอบบัญชีแสดงข้าว (Stock Card) อย่างสม่ำเสมอ
ข) ให้มีการติดตั้งกล้อง CCTV ณ จุดบริการส่งมอบข้าวทุกจุด ที่เชื่อมโยงไปยังศูนย์ควบคุม และให้มีการส่งสัญญาณเตือนให้ผู้รับผิดชอบทราบ รวมทั้งให้มีการสุ่มตรวจสอบข้อมูลใน CCTV อย่างไกล้ชิด
ค) ให้มีการสุ่มตรวจสอบ (surprise check) การนำข้าวเข้าโรงสี โดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานเอกชน เพื่อกำกับดูแลอย่างไกล้ชิดและจริงจัง
ง) ให้มีการกำหนดแผนที่จะสีแปรสภาพข้าวที่ชัดเจนและรวดเร็ว เช่น ทุก 7 วัน โดยมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อบังคับให้มีการสีแปรตามเวลาที่กำหนด
จ) ทุก 7-15 วัน ต้องจัดให้มีการสุ่มตรวจสอบ (random check) คุณภาพข้าวโดย surveyor กลางที่โรงสีต่างๆ
ฉ) ให้จัดให้มีการประกันวินาศภัย และการประกันภัยคุ้มครองจากการโจรกรรม โดยกำหนดให้รัฐเป็นผู้รับผลประโยชน์จากความเสียหายที่เกิดขึ้น
ช) ให้มีการสร้างระบบการประมูลขายข้าวให้มีความโปร่งใสมากขึ้น
วันนี้ ผมมีเวลา และได้กลับไปอ่านข้อเสนอของ ธกส.
ผมนึกชมเชยผู้บริหาร ธกส. ที่ได้ใช้ความพยายามกันอย่างมาก ในการคิดอ่านหาทางป้องกันความเสียหายให้มีน้อยที่สุด ผมจึงขอปรบมือดังๆ ให้แก่ผู้บริหาร ธกส. ทุกคนครับดูเพิ่มเติม
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
