จาก โพสต์ทูเดย์
กรมทางหลวงขออุทธรณ์หลังศาลให้ปลูกต้นไม้ชดเชยที่โค่นทิ้งระหว่างทางขึ้นเขาใหญ่ อ้างทำใหม่ลำบาก
นายอดุลย์ เชาว์วาทิน ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยว่า กรมทางหลวงเคารพคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นที่ให้กรมทางหลวงและกระทรวง คมนาคม ร่วมกันนำต้นไม้ชนิดเดียวกันไปปลูกชดเชยแทนที่ถูกตัดโค่นไปแล้วตามแนวถนน ปากช่อง-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยจะขอใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ เนื่องจากคำพิพากษาบางข้อ ทำได้ยากในทางปฏิบัติ อาทิ หากให้นำเอาต้นไม้ขนาดใหญ่มาปลูกให้มีสภาพใกล้เคียงของเดิม ก็จะไม่มีรากแก้ว ซึ่งอาจเกิดปัญหาต้นไม้โค่นล้มได้ง่าย เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนในอนาคต รวมทั้งเรื่องจัดการพื้นที่ที่ต้องมีระยะห่างพอสมควรในการปลูกต้นไม้
นายอดุลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางกรมทางหลวงได้ปลูกต้นไม้ชดเชยไปแล้วกว่า 2,000 ต้น โดยเป็นกล้าไม้ชนิดต่างๆ สูงประมาณ 12-15 เซนติเมตร ขณะเดียวกันกำลังหาทางเยียวยาผลกระทบตามที่กลุ่มองค์กรเอ็นจีโอฟ้องร้องมา โดยจะฟื้นฟูสภาพต้นไม้ควบคู่ไปกับความปลอดภัยบนท้องถนนด้วย
“ต้นไม้ที่ถูกตัดไปกว่า 500 ต้นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นต้นสะเดา ซึ่งปลูกมาตั้งแต่ปี 2505 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงไม่ใช่ต้นไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และไม่ใช่ต้นไม้อนุรักษ์” นายอดุลย์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2556 ให้กรมทางหลวงและกระทรวงคมนาคม นำต้นไม้ชนิด ประเภท และขนาดเดียวกันหรือใกล้เคียงกันในจำนวนที่เท่ากันกับต้นไม้ที่ถูกตัดโค่นไป แล้วตามแนวถนนเขตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2090 ช่วงกิโลเมตรที่ 2 ถึง 10.1 หรือถนนธนะรัชต์ บริเวณต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว ไปปลูกทดแทนตามเขตแนวถนนดังกล่าว โดยให้เริ่มดำเนินการภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คำพิพากษา เพื่อให้มีสภาพใกล้เคียงกับของเดิมให้มากที่สุด
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
