จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ร้านชา กาแฟขอขึ้นราคาตามต้นทุนเพิ่มขึ้นทั้งน้ำแข็ง ผงชา กาแฟ นมข้น ขณะที่อาหารปรุงสำเร็จส่อตรึงไม่ไหว เหตุวัตถุดิบขยับแรง ชาวบ้านร้องขอข้าวถุงธงฟ้าหลังสินค้าขาดตลาดตามการปิดตัวของร้านถูกใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ร้านอาหาร และร้านขายเครื่องดื่มว่าราคาสินค้าส่วนใหญ่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อ เนื่องมาตั้งแต่ต้นปี สวนทางนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ยืนยันจะไม่ให้สินค้ารายการใดปรับขึ้นราคา โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่มีอยู่ในรายการที่ติดตามดูแลยิ่งมีการปรับราคาเพิ่ม ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น น้ำแข็ง ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นกระสอบละ 5 บาท ชาผงและกาแฟที่ใช้สำหรับชงก็มีการปรับขึ้นราคาต่อเนื่อง รวมถึงนมข้นหวานที่มีการปรับขึ้นราคาอีกประมาณกระป๋องละ 1 บาท ทำให้ร้านค้าที่จำหน่ายชา กาแฟ ต้องปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายชา กาแฟได้แจ้งต่อลูกค้าว่ามีความจำเป็นที่ต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-5 บาทเพื่อให้คุ้มกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยวัตถุดิบทั้งน้ำแข็ง ชา กาแฟ นม ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือนแล้ว หากไม่ปรับราคาก็จะขาดทุน
ส่วนแนวโน้มราคาอาหารปรุงสำเร็จเริ่มมีปัญหาด้านต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งผัก เนื้อหมู ไข่ไก่ และเครื่องปรุงรสที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยผักสดได้ทรงตัวในราคาสูงต่อเนื่องมาร่วม 3 เดือน ทั้งผักคะน้าสูงเกิน กก.ละ 30-35 บาท ผักบุ้ง กก.ละ 25-30 บาท มะนาวลูกละ 8-11 บาท ราคาเนื้อหมู กก.ละ 130-135 บาท ไข่ไก่ฟองละ 3.3-3.8 บาท และเครื่องปรุงรส ปรับเพิ่มชนิดละ 2-3 บาท โดยผลกระทบต่อไปที่กำลังจะมาก็คือ การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ซึ่งล้วนแต่เป็นแรงกดดันให้มีการปรับขึ้นราคาอาหารปรุงสำเร็จ
นอกจากนี้ยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าไม่สามารถหาซื้อข้าวถุง ธงฟ้า 5 กก. ราคา 70 บาทได้เพราะสินค้าขาดตลาด โดยซื้อไม่ได้มา 1-2 เดือนแล้วตั้งแต่โครงการร้านถูกใจหมดไป จึงขอให้รัฐบาลเร่งผลิตออกมาจำหน่ายเพิ่มเพราะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้มี รายได้น้อย เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวสารแพงขึ้นมาก โดยข้าวสารเจ้า กก.ละ 25-28 บาท ข้าวหอมมะลิ กก.ละ 35-38 บาท
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
