สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หมอกควัน-ไฟป่า ลำปาง ภัยใกล้ตัวที่ต้องผนึกพลังแก้

จากประชาชาติธุรกิจ

อัศวิน วงศ์หน่อแก้ว

กว่า 5 ปีมาแล้ว ที่จังหวัดลำปางซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางภาคเหนือตอนบน ยังคงประสบกับมลภาวะทางอากาศ ในทุกช่วงฤดูแล้งจากหมอกควันไฟ ที่ปกคลุมพื้นที่มาเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง และหนาแน่นเพิ่มมากขึ้น จนกระทบไปทุกส่วนทั้งการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการอยู่อาศัยของประชาชน ที่จะสัมผัสได้จากการหายใจ ในบางรายที่มีอาการเรื้อรังจากโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว อาการอาจกำเริบหนักถึงขั้นหายใจไม่ออก


ปัญหาหมอกควันไฟ...นับเป็นภัยที่คุกคาม จ.ลำปางอีกภัยหนึ่ง นอกเหนือจากภัยหนาว ภัยแล้ง ภัยน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน

ปัญหา หมอกควันไฟ...ถือเป็นภัยที่ใกล้ตัว ที่ประชาชนสามารถช่วยไม่ให้เกิดขึ้นได้ แม้ทางจังหวัดจะออกประกาศคุมเข้มการเผา และขู่ว่าจะจับปรับตามกฎหมาย แต่ก็ไม่เป็นผล พื้นที่ยังประสบภัยหมอกควันไฟอีกครั้งในปีนี้

สุ วิทย์ ขัตติยวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง ระบุว่ามนุษย์คือปัจจัยหลัก ที่ทำให้เกิดหมอกควันไฟขึ้น ซึ่งการเกิดไฟไหม้เป็นปลายเหตุ แต่ตัวต้นเหตุอยู่ที่คนจุดไฟ ทั้งนี้ ในอดีตปัญหาการเผาอยู่ในพื้นที่การเกษตร การเผาขยะมูลฝอย การเผาเศษกิ่งไม้ และใบไม้ แต่ปัจจุบันเกิดขึ้นจากไฟป่า สาเหตุสำคัญคือมนุษย์เข้าไปในป่า เพื่อหาของป่าแล้วจุดไฟเผาป่า ทั้งมาจากความคึกคะนอง จุดเพื่อเปิดทางเดิน หรือจุดเพื่อหาของป่า เมื่อไฟป่าลามขยายวงกว้างออกไป ทำให้ควันไฟลอยขึ้นไปสะสมในอากาศ แล้วย้อนกลับมากระทบต่อมนุษย์ ที่สูดหายใจเอาฝุ่นละอองขนาดเล็กในหมอกควันไฟเข้าไป จนอาจจะป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ

"แม้ทางจังหวัดจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาคุมแล้วคุมอีก รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ สั่งกำชับให้ทุกจังหวัดเร่งป้องกัน และแก้ไขปัญหาให้จงได้ แต่เมื่อประชาชนกลุ่มหนึ่ง ที่ยังไม่มีจิตสำนึกและยังไม่ตระหนัก ยังจุดไฟเผาป่าอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ จ.ลำปาง ประสบกับภัยหมอกควันไฟต่อเนื่องไปทุกปี"

ด้าน ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เผยว่า จ.ลำปางถือว่าเกิดมลภาวะทางอากาศจากหมอกควันไฟ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามระดับภูมิภาคของภาคเหนือ โดยสาเหตุหลักมาจากการจุดไฟเผาป่ากว่าร้อยละ 80 ซึ่งจากการเฝ้าติดตามจุดความร้อน (ฮอตสปอต) โดยภาพถ่ายดาวเทียม พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม จ.ลำปาง เกิดจุดความร้อนมามากกว่า 1,327 จุด ในเดือนมีนาคมมีค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็กในหมอกควันไฟพุ่งสูงเกินค่า มาตรฐาน 11 วัน โดยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค่าพุ่งสูงที่สุดของปี ที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง วัดได้ 351 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

"ดังนั้น ทางจังหวัดลำปางจึงขออนุญาตรัฐบาลขยายระยะเวลาคุมเข้มออกไปอีก 30 วัน ถึงเดือนพฤษภาคม 2556 จากเดิมที่รัฐบาลกำหนดมาตรการงดการเผา 100 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 21 มกราคม-30 เมษายน 2556 ทำให้พื้นที่ จ.ลำปาง จะเป็นช่วงงดการเผา 130 วันอันตราย"

พ่อเมืองลำปางระบุด้วยว่า จากการคุมเข้มการเผาพบว่าในพื้นที่ อ.เกาะคา จับกุมผู้กระทำผิดลักลอบจุดไฟเผาป่าได้ 1 คน และที่ อ.ห้างฉัตร พบชาวบ้านจุดไฟเผาป่าถูกไฟคลอกเสียชีวิต 1 ราย นอกจากนี้ทางจังหวัดยังได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลขบวนการจุดไฟเผา ขี่รถจักรยานยนต์ 2-3 คันออกตระเวนจุดไฟเผาป่าละเมาะริมถนน และผืนป่าที่สำคัญในช่วงกลางคืน ซึ่งถือเป็นการท้าทายกฎหมายบ้านเมือง และไม่มีจิตสำนึก จึงสั่งการให้เร่งสืบสวนจับกุมให้ได้ รวมทั้งมีการตั้งรางวัล 5,000 บาท เพื่อนำจับไปยังผู้ที่ลักลอบเผา เพื่อให้เกิดความเข้มข้นในการช่วยกันสอดส่องการเผาทุกกรณี

5 ปีกว่าที่สถานการณ์หมอกควันไฟป่ายังปกคลุม จ.ลำปาง จึงมีการตั้งคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ชาวลำปางทั้งหมดจะเข้าใจ และตระหนักถึงเภทภัยจากปัญหานี้

ถึงเวลาหรือยังที่ชาวลำปางและทุกภาคส่วน ควรร่วมแรงร่วมใจไม่จุดไฟเผา สอดส่องผู้กระทำผิด เพื่อให้ท้องฟ้าสดใส ไร้มลภาวะหมอกควันไฟ

ให้ จ.ลำปาง..เป็น "เมืองลำปางแห่งวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ประตูสู่ล้านนา" ที่ไร้ปัญหาหมอกควันไฟอย่างยั่งยืน

 

 

 

 

 

ที่มา : นสพ.มติชน


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view