จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
กระทรวงเกษตรฯระบุ น้ำในเขื่อนยังพอ ภัยแล้งยังไม่วิกฤติ ข้าวเสียหายแค่ อุตรดิตถ์ และเชียงราย
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผย ว่าในขณะนี้ปริมาณน้ำที่จัดสรรไว้ตามแผนเพื่อการเพาะปลูกพืชทั้งประเทศที่ 23,570 ล้านลบ.ม.มีการใช้ไปแล้ว 17,128 ล้านลบ.ม. หรือ 73% ขณะที่ภาคอีสานซึ่งมีแผนจัดสรรน้ำที่ 1,529 ล้านลบ.ม. ใช้ไปแล้ว 1,173 ล้าน ลบ.ม. หรือ 75% ทั้งนี้กรมชลปะทานได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ในภาพรวม ว่าในส่วนของน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคยังมีเพียงพอ ขณะที่น้ำใช้เพื่อการเกษตรในเขตชลประทานสามารถประคองสถานการณ์ไว้ได้จนกระทั่งถึงฤดูกาลฝนในเดือนพฤษภาคม
นายเลิศชัย ศรีอนันต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทานด้านจัดสรรน้ำและบำรุงรักษา กรมชลประทาน กล่าวว่า จากข้อมูลสถานการณ์น้ำ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 56 พบว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศขณะนี้เหลืออยู่ 42,000 ล้าน ลบม. หรือ 56% คิดเป็นน้ำใช้การได้ 18,204 ล้านลบ.ม. หรือ 24% หลังจากสิ้นสุดการระบายน้ำในวันที่ 30 เม.ย. 56 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศจะเหลืออยู่ที่ 11,762 ล้าน ลบ.ม. โดยเป็นปริมาณน้ำสำรองเก็บไว้เพื่อการเพาะปลูกในช่วงฤดูฝน
สำหรับสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งวางแผนการใช้น้ำช่วงหน้าแล้งไว้ที่ 9,000 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันใช้ไป 7,601 ล้าน ลบ.ม. เหลือน้ำใช้ได้อีก 1,400 ล้านลบ.ม โดยพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังมีการเพาะปลูกเกินแผนที่วางไว้ที่ 9.17 ล้านไร่ อยู่ร้อยละ10 โดยปลูกไป 10.06 ล้านไร่ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการใช้น้ำและจะเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก
ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยาซึ่งมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิตต์ เขื่อนป่าสัก และเขื่อนแควน้อย มีปริมาณน้ำรวมกันปัจจุบันประมาณ 4,032 ล้าน ลบ.ม. เมื่อเข้าฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเหลืออยู่ที่ 3,127 ล้าน ลบ.ม. เพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวนาปีในฤดูกาลต่อไป ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องการน้ำในช่วงฝนทิ้งช่วงประมาณ 2,500 ล้าน ลบ.ม.
ขณะที่ภาคอีสานมีแผนระบายน้ำในช่วงหน้าแล้งอีกประมาณ 300 ล้าน ลบ.ม. จากปริมาณน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในภาคอีสาน 1,153 ล้าน ลบ.ม. โดยเชื่อว่ายังมีปริมาณน้ำเพียงพอและเหลือใช้สำหรับการปลูกข้าวนาปีเช่นกัน นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ภาพรวมการปลูกพืชฤดูแล้งขณะนี้ทั่วประเทศมีการเพาะปลูกเกินจากแผนมาประมาณ 40,000 ไร่ ซึ่งจำนวนนี้อยู่ในเขตชลประทานที่มีน้ำเพียงพอจนถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
