สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หมอกควันไฟป่าปกคลุมทั่วเชียงใหม่

หมอกควันไฟป่าปกคลุมทั่วเชียงใหม่

จาก โพสต์ทูเดย์

หมอกควันไฟป่าเชียงใหม่ขั้นวิกฤตฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานล้มป่วยเฉลี่ยวันละ 1.5 พันราย

สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่หลายพื้นที่เริ่มวิกฤต โดยเบื้องต้นพบว่ามีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสะสมติดต่อกันหลายสัปดาห์ โดยวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองในอากาศอยู่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยวัด ได้ 211 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 179 ไมโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน
 
นายวัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. จนถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยแล้วกว่า 18,406 ราย ขณะที่แต่ละเดือนจะมีผู้ป่วยเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นราย โดยแต่ละวันจะมีผู้ป่วยเข้าทำการรักษาวันละ 1,500 คน ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประกาศเตือนให้กลุ่มผู้ป่วย โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหอบหื่น โรคหลอดลมอักเสบ โรคผิวหนัง และโรคตาอักเสบ ได้ระมัดระวังฝุ่นละอองในอากาศที่จะกระทบต่อสุขภาพ อย่างไรก็หากค่าปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเกิน 320 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร วอนให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่และหน่วยงานต่างๆได้จัดเตรียมโรงยิม หรือศูนย์ประชุมในการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน นอกจากนั้นขอให้มีการติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำตามจุดต่างๆเพื่อบรรเทา ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศด้วย
 
นายวัฒนา กล่าวอีกว่า พื้นที่ที่มีปัญหาหมอกควันและผู้ป่วยจำนวนมากอยู่ในพื้นที่อ.สารภี สันทราย แม่ริม เมืองเชียงใหม่ ดอยสะเก็ด หางดง และอ.สันป่าตอง ซึ่งเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ ส่วนการเตรียมการในการช่วยเหลือขณะนี้ได้มีการสำรองหน้ากากอนามัยในการดูแล ฝุ่นละอองกว่า 1 แสนชิ้น โดยมีการแจกจ่ายให้กับทางโรงพยาบาลแต่ละแห่งๆละ 3,000 ชิ้น โดยมีการแจกจ่ายไปแล้วกว่า 80,000 ชิ้น และมีการสำรองไว้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอีก 20,000 ชิ้น


หมอกควันลำพูนพุ่งแตะระดับ184มคก./ลบ.ม.

หมอกควันลำพูนพุ่งไม่หยุด แตะระดับอยู่ที่ 184 มคก./ลบ.ม. ระดมรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นละอองให้เจือจาง

นายนาวิน สินธุสอาด รอง ผวจ.ลำพูน กล่าวว่า ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ จ.ลำพูน วันนี้(22 มี.ค.) พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าอยู่ที่ 184 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า AQI. อยู่ที่ 128 มีผลกระทบต่อสุขภาพ ทัศนวิสัยการมองเห็น 1 กิโลเมตร เป็นวันที่ 6 ที่มีค่าเกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงอันตราย ปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นกว่าวันก่อนหน้าทุกสถานี กรมควบคุมมลพิษ จ.ลำพูนกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน โดยหากมีความจำเป็นต้องเผาต้องขออนุญาตจาก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนดำเนินการทุกครั้ง และต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นได้ และให้ดำเนินการทางกฎหมายกับ ผู้ลักลอบเผา หรือขออนุญาตเผาแล้ว แต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ หรือไม่ได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครอง จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นหรือลุกลามเข้าไปในเขตป่า โดยเฉียบขาด

นอกจากนี้ ขอความร่วมมือไปยังสถานีวิทยุหลัก และสถานิวิทยุชุมชน(วช.)ประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกต้องให้กับประชาชนด้วย ข้อแนะนำด้านสุขภาพ: เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตู หน้าต่าง เพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้าน ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำจากภาคราชการ และหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า สภาพปัญหาของหมอกควัน และมลพิษที่ จ.ลำพูน ถือว่าเข้านั้นวิกฤตติ เช้านี้ยังมีหมอกควันปกคลุมตัวเมืองลำพูน และหลายพื้นที่โดยรอบหนาแน่น ทำให้ทุกภาคส่วนต้องระดมแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ล่าสุด ขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำรถดับเพลิงบรรทุกน้ำตระเวนฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อช่วยชำระล้างมลหมอกควันที่มีอยู่ให้เจือจางลงโดยเฉพาะในช่วงเช้า และบ่ายถือเป็นช่วงวิกฤติมากสุด


ไฟไหม้ศูนย์อพยพแม่สุรินทร์ย่างสด27ศพ

จาก โพสต์ทูเดย์

ไฟไหม้ศูนย์อพยพบ้านแม่สุรินทร์ แม่ฮ่องสอน วอด100 หลัง เสียชีวิตคากองเพลิง 27 ศพ และเจ็บอีก 100 ราย

เกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ บ้านแม่สุรินทร์ ต.แม่เงา อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โดยเพลิงเริ่มลุกไหม้ตั้งแต่เวลา 16.30 น. โดยลุกลามไหม้บ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงสร้างความเสียหายนับ 100 หลังคาเรือน ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตจากเพลิงไหม้ครั้งนี้เบื้องต้น 27 ราย บาดเจ็บนับ 100 ราย ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย โดยผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล อ.ขุนยวม และ โรงพยาบาล ที่ จ. เชียงใหม่

นายบุญเสริม จิตเจนสุวรรณ ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า เหตุการณ์ ไฟไหม้ดังกล่าวสามารถควบคุมเพลิงได้ในเวลา 18.00 น. โดยสาเหตุที่ควบคุมเพลิง ได้ล่าช้า เนื่องจากเหตุเกิดในช่วงเวลาเย็น ประกอบกับในพื้นที่ไม่มีไฟฟ้า และมีสัญญาณโทรศัพท์เพียงบางจุด วิทยุสื่อสารใช้การไม่ได้ ขณะเดียวกันกว่ารถดับเพลิงจะสามารถเข้าถึงพื้นที่ต้องใช้เวลานานกว่า 1.30 ชม.

ทั้งนี้ ไฟไหม้ได้ลุกลามอย่างรวดเร็วเนื่องจากบ้านพักในศูนย์อพยพ ก่อสร้างจากไม้ไผ่และใบไม้ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงให้ติดไฟอย่างดี อีกทั้งที่ศูนย์อพยพไม่มีแหล่งน้ำที่จะใช้ดับไฟเฉพาะหน้าได้

นายบุญ เสริม กล่าวอีกว่า สาเหตุเบื้องต้นของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ น่าจะมาจากการประกอบอาหารในศูนย์อพยพ อีกทั้งศูนย์อพยพอยู่ห่างจากพื้นที่ป่าและมีแนวกันไฟ สาเหตุจึงไม่น่าจะมาจากไฟป่า ซึ่งล่าสุดไฟดับหมดแล้วและอยู่ในขั้นตอนของการบรรเทาทุกข์ มีเจ้าหน้าที่ทหาร และสาธารณสุขจังหวัด

ขณะที่นพ.ไพศาล ธัญญาวินิชกุล นายแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 21.00 น. มีผู้เสียชีวิต 27 ศพ บาดเจ็บสาหัส 80% ของผิวหนัง 2 ราย อยู่ระหว่างการลำเลียงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

สำหรับศูนย์อพยพดังกล่าวเป็นศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยจากการสู้รบกับพม่า ปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่จำนวน 281 ครอบครัว จำนวน 1,087 คน


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view