จากประชาชาติธุรกิจ
นาย กฤษฎา หอมสุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มรดกโลก (พื้นที่รอยต่อ 4 จังหวัด ปราจีนบุรี, นครนายก, นครราชสีมา และสระบุรี) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มรดกโลกที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ขณะนี้ ได้รับความนิยมสูงสุดจากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งปีที่ผ่านมายอดนักท่องเที่ยวรวมมากกว่า 1 ล้านคน/ปี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าปีนี้จะสามารถสร้างรายได้เกิน 80 ล้านบาทขึ้นไป และจะเป็นรายได้สูงสุดของอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย
"จาก สถานการณ์การท่องเที่ยวที่เข้มข้น ทำให้ปริมาณรถยนต์ รถจักรยานยนต์ขึ้นมาท่องเที่ยวเพิ่มตามมา โดยประมาณการว่ามากกว่า 600,000 คัน หรือมากกว่านั้น ซึ่งสร้างผลกระทบโดยกระทบกับสัตว์ป่า อันเนื่องจากมาจากการไม่เคารพกฎจราจร ขับรถเร็ว เสียงดัง การให้อาหารสัตว์ การทิ้งขยะไว้เป็นภาระ อันเป็นการทำลายการท่องเที่ยว เปลี่ยนพฤติกรรมสัตว์ป่า ที่ผ่านมา องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้ข้อสังเกต และให้อุทยานจัดทำแผนการบริหารจัดการการท่องเที่ยวมรดกโลกที่ดูแลสิ่งแวด ล้อมและสัตว์ป่า โดยเฉพาะเรื่องช้างป่า ที่เรายังไม่ได้ศึกษาสำรวจอย่างจริงจัง ซึ่งจำเป็นที่นักท่องเที่ยวต้องร่วมกันเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ด้วย อาทิ การปฏิบัติการ 4 ม. ขอคืนพื้นที่เขาใหญ่ไม่รบกวนสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม นำขยะกลับบ้าน ไม่ทิ้งขยะไว้เป็นภาระ, ไม่ให้อาหารสัตว์ป่า จนสัตว์ป่า ลิง ช้าง เปลี่ยนพฤติกรรม มาดัก หรือลักขโมยอาหาร, ไม่ขับรถเร็วเกินกำหนด-ควันดำ เร่งเครื่องเสียงดัง และไม่ส่งเสียงดังรบกวนการท่องเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติมรดกโลก" นายกฤษฎากล่าว
ภาครัฐบาลควรส่งเสริม หรือลงทุนการท่องเที่ยวให้ยั่งยืน เช่น การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมการสร้างถนน-เส้นทางสาย 304 (ปราจีนบุรี-นครราชสีมา) ตัดผ่านผืนป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่ให้สัตว์ป่าสามารถผ่านผืนป่ามรดกโลกทั้ง 2 เชื่อมต่อกันได้โดยเร็ว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
