จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หมอกควันเชียงใหม่ส่อเค้าพุ่ง หลังพบคลุมทึบจนมองไม่เห็นดอยสุเทพ แต่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก และดัชนีคุณภาพอากาศยังไม่เกินค่ามาตรฐาน ปภ.ยอมรับยังมีความเสี่ยงสถานการณ์รุนแรง กำชับทุกฝ่ายร่วมมือกันเฝ้าระวังป้องกันเต็มที่
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่วันนี้ (16 ก.พ.) แจ้งว่า สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันที่ค่อนจะข้างหนาทึบเกือบตลอดทั้งวัน ทั้งนี้สังเกตได้จากการที่ไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพจากตัวเมืองได้เหมือน สภาพปกติ ซึ่งสาเหตุคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากควันไฟที่จากการเผาทุกชนิด ทั้งการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และการเผาป่า ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงของการรณรงค์ 100 วันงดการเผาทุกชนิดเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน
ขณะที่รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย วันที่ 15 ก.พ.56 ของกรมควบคุมมลพิษ ระบุผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่ เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 101 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ไม่เกินค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงปานกลาง โดยปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นกว่าวันก่อนหน้านี้เกือบทุกสถานี
สำหรับรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่นั้น ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พบค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน และดัชนีคุณภาพ อากาศ (ค่ามาตรฐานกำหนดไม่เกิน 100) ในรอบ 24 ชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (16 ก.พ.) อยู่ที่ 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ 81 ขณะที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ 73 ซึ่งภาพรวมคุณภาพอากาศถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง
ด้านนายคมสัน สุวรรณอัมพา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ยอมรับว่า ขณะนี้สถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังคงมีความ เสี่ย งและแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น แม้ว่าเวลานี้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก และดัชนีคุณภาพอากาศจะยังไม่สูงเกินค่ามาตรฐานก็ตาม ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้แต่ อย่างใด โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ในการป้องกันแก้ไขปัญหานี้ โดยเฉพาะการป้องกันการเผาในที่โล่งทุกชนิดที่เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหานี้ ซึ่งทางจังหวัดได้มีการกำชับไปถึงระดับหมู่บ้าน ตำบล ในทุกอำเภอแล้วในการร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันแล้ว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
