จาก โพสต์ทูเดย์
ชลประทานบุรีรัมย์ประสานประปาส่วนภูมิภาคขอน้ำเติมในอ่างกักเก็บ2แห่งหวั่นมีไม่พอใช้ตลอดฤดูแล้ง
นายยงศักดิ์ ประภาพันธ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในอ่างกักเก็บขณะนี้น่าเป็นห่วง 2แห่งคือ 1.อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก แหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาบริการประชาชนในเขต อ.เมือง และ อ.ห้วยราช มีระดับน้ำกักเก็บเหลืออยู่เพียง 11.7 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 45 ของปริมาณความจุอ่างกว่า 26 ล้านลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย ที่ใช้เป็นแหล่งน้ำดิบผลิตประปาบริการชาวบ้านในเขต อ.กระสัง มีปริมาณลดเหลือ 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 19 ของปริมาณความจุอ่าง 13.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งแต่ละวันทั้ง 2 อ่างต้องใช้น้ำดิบในการผลิตประปาบริการประชาชนกว่า 30,000 ลูกบาศก์เมตร
หากเปรียบเทียบในช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่าปีนี้ปริมาณน้ำในอ่างภาพรวมทั้ง 19 แห่ง น้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 70 จึงได้ประสานกับการประปาส่วนภูมิภาค สนับสนุนงบประมาณเป็นค่าน้ำเชื้อเพลิง และค่าไฟฟ้า สำหรับใช้ในการสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด มาเติมในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากเพิ่มอีก 1 ล้านลูกบาศก์เมตร จากที่ก่อนหน้านี้ได้สูบดึงน้ำจากลำน้ำมาศมาเติมในอ่างแล้วกว่า 5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้มีน้ำดิบเพียงพอผลิตประปาตลอดฤดู
นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบเกษตรกรที่อยู่ในเขตชลประทานหลายพื้นที่ มีการฝ่าฝืนปลูกข้าวนาปรัง และบางรายมีการลักลอบสูบน้ำจากอ่างมาใส่นาข้าวของตัวเอง ถึงแม้จะมีการประกาศให้งดปลูกแล้วก็ตาม ซึ่งกรณีดังกล่าวก็ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาว บ้านกลุ่มดังกล่าวแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาน้ำดิบไม่เพียงพอผลิตประปา ส่วนพื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทาน ก็ได้ประสานไปยังทางสำนักงานเกษตรจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น ให้ช่วยเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้งดปลูกข้าวนาปรัง หรือพืชที่ใช้น้ำมากในช่วงนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้งนี้อีกด้วย
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
