จาก โพสต์ทูเดย์
ผอ.อ.ส.พ. หวั่นกล้วยไม้สูญ เหตุคนรุกป่า จัดโมเดลบ้านฟ้ามุ่ยเร่งขยายพันธุ์ พร้อมเป็นเจ้าบ้านประชุมขิง-ข่าโลกในอีก 2 ปีข้างหน้า
นายปิยเกษตร สุขสถาน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและปลูกบำรุง องค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อ.ส.พ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันจำนวนกล้วยไม้ในสภาพป่าธรรมชาติได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นที่ป่าได้ถูกบุกรุก มีการเก็บของป่านำมาขาย การระเบิดภูเขา และภัยธรรมชาติ ทำให้อ.ส.พ.มีโครงการที่จะอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้ ด้วยการรวบรวมทรัพยากรพืชพรรณ เพื่อการศึกษา ค้นคว้า วิจัย พันธุ์กล้วยไม้กว่า 400 ชนิด โดยนำกล้วยไม้ที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคามและใกล้สูญพันธุ์ มาขยายพันธุ์ในสภาพปลอดเชื้อ เช่น ฟ้ามุ่ย รองเท้านารี เอื้องแซะหอม เอื้องผึ้ง เอื้องคำ และช้างแดง
นอกจากนี้ ได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับชุมชนในพื้นที่ใกล้แหล่งที่อยู่ของกล้วยไม้ป่าให้ เห็นความสำคัญและสร้างความเข้าใจในการอนุรักษ์กล้วยไม้อย่างถูกต้อง ส่งเสริมให้ปลูกกล้วยไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดภายในชุมชนแทนการนำต้นพันธุ์ ออกจากสภาพป่าธรรมชาติ เพื่อลดจำนวนการนำกล้วยไม้ออกจากป่า อีกทั้งยังส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้จากการจำหน่ายพันธุ์กล้วยไม้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ดำเนินการในพื้นที่หมู่บ้านปงไคร้ (หมู่บ้านฟ้ามุ่ย) ตั้งแต่ปีพ.ศ.2554 ที่ผ่านมา
นายปิยเกษตร กล่าวว่า อ.พ.ส. ยังรวบรวมความเป็นที่สุดของกล้วยไม้ที่น่าสนใจ ไว้ภายในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เช่น ว่านเพชรหึง กล้วยไม้ที่มีลำต้นใหญ่ที่สุด สิงโตไข่ปลา กล้วยไม้ที่มีลำต้นขนาดเล็กที่สุด วานิลา กล้วยไม้ที่มีลำต้นยาวที่สุด และหนวดพราหมณ์บอเนียว กล้วยไม้ที่มีใบยาวที่สุด รวมทั้งยังได้แสดงความแปลกของกล้วยไม้ เช่น พญาไร้ใบ เป็นกล้วยไม้ที่ไม่มีใบ ใช้รากสังเคราะห์แสงเป็นอาหาร และนกคุ้มไฟ เป็นกล้วยไม้ที่มีใบเป็นลายแวววาวเมื่อถูกแสงแดด
ทั้งนี้ อ.ส.พ.ได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมขิง-ข่าโลกครั้งที่ 7 ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2558 โดยการประชุมครั้งนี้จะประกอบไปด้วย 4 กิจกรรมหลัก คือ 1.การประชุมวิชาการ 2.การเปิดสวนรวบรวมพันธุ์ขิง-ข่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ 3.นิทรรศการและการออกร้านของผู้ประกอบการ และ4.การลงศึกษาดูงานในพื้นที่ฟาร์มเกษตร
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
