จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชื่อก้องโลก วัย 82 ปี สร้างความฮือฮาครั้งใหม่ด้วยการขายที่ดินสำหรับทำการเกษตรในประเทศ อาร์เจนตินาโดยได้กำไรถึง 11 เท่าตัว ข้อมูลระบุโซรอสทำกำไรมหาศาลมากกว่า 4 พันล้านบาทจากการกว้านซื้อที่ดินของเกษตรกรท้องถิ่นในราคาถูกแล้วนำไปขายต่อ ให้พวกนายทุน ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจาก “อากริมันนี” แหล่งรวบรวมข้อมูลด้านการเกษตร ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองเฮเรฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ระบุว่า จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี ที่เคยสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากการโจมตีค่า เงินปอนด์อังกฤษในปี ค.ศ. 1992 และโจมตีค่าเงินของหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงเงินบาทของไทยเมื่อปี 1997 ได้ตัดสินใจขายที่ดินผืนหนึ่งในเขต “ซานตา เรฆินา” ในจังหวัดบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา ให้กับผู้ซื้อซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อในราคา 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 395 ล้านบาท) หรือคิดเป็นเงิน 7,058 ดอลลาร์ต่อ 1 เฮกตาร์ (ประมาณ 6 ไร่ 1 งาน) โดยราคาดังกล่าวสูงกว่าเมื่อตอนที่โซรอสกว้านซื้อที่ดินจากเกษตรกรท้องถิ่น เมื่อทศวรรษที่ผ่านมาถึง 11 เท่าตัว
ข้อมูลระบุว่า การขายที่ดินครั้งนี้ของโซรอสได้ดำเนินการผ่านทางบริษัท “อเดโกอโกร” ยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรแห่งทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งไปจดทะเบียนอยู่ในยุโรปที่ประเทศลักเซมเบิร์ก และมีกองทุน “โซรอส ฟันด์ แมเนจเมนต์” เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยการขายที่ดินที่ทำกำไรให้โซรอสถึง 11 เท่าตัวดังกล่าว เป็นเพียงการขายที่ดินร้อยละ 51 ที่โซรอสถือครองอยู่ในเขตซานตา เรฆินา
รายงานข่าวระบุว่า หากผู้ซื้อรายนี้ต้องการที่ดินที่เหลืออีกร้อยละ 49 ของโซรอสผู้ซื้อก็จะต้องยอมจ่ายเงินซื้อที่ดินส่วนที่เหลือในราคาที่แพงขึ้น เป็น 7,370 ดอลลาร์ต่อเฮกตาร์ ภายในเดือนมิถุนายนปี 2014 ซึ่งหมายความว่า โซรอสอาจได้เงินจากการขายที่ดินผืนนี้ในอาร์เจนตินาถึง 26.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 800 ล้านบาท) หรือเท่ากับเป็นการฟันกำไรถึง 22 เท่าตัว เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่โซรอสซื้อที่ดินผืนนี้จากเกษตรกรท้องถิ่นเมื่อปี 2002 ที่ราคา 625 ดอลลาร์ต่อเฮกตาร์
ทั้งนี้ ข้อมูลของรัฐบาลอาร์เจนตินา อุรุกวัย และบราซิล ระบุว่า บริษัท “อเดโกอโกร” ที่มีโซรอสถือหุ้นใหญ่สามารถทำกำไรมหาศาลมากกว่า 132 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,015 ล้านบาท) จากการกว้านซื้อที่ดินของเกษตรกรท้องถิ่นในราคาถูกแล้วนำไปขายต่อให้กับพวก นายทุนในราคาสูงนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 หรือตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของจอร์จ โซรอส อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าแนวโน้มการกว้านซื้อที่ดินทำกินของประชาชนใน “ประเทศกำลังพัฒนา” ทั้งในอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย เพื่อขายต่อในราคาสูงลิ่ว อาจกลายเป็นช่องทางใหม่ในการสร้างความมั่งคั่งของบรรดามหาเศรษฐีทั่วโลก แทนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทองคำ และน้ำมันที่มีความผันผวนสูง
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
