จากประชาชาติธุรกิจ
นายวุฒิพงศ์ สวรรค์โชติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ในปัจจุบันบนดอยแม่สลองมีพื้นที่ปลูกใบชาทั้งหมดประมาณ 10,000 ไร่ แบ่งเป็น
ชา อู่หลงประมาณ 40% และชาอัสสัมหรือพื้นเมือง 60% โดยมีการจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ แม้ว่าตลาดต่างประเทศจะเข้มงวดเรื่องการปนเปื้อน แต่คุณภาพใบชาไทย และใบชาดอยแม่สลองมีคุณภาพดี สามารถส่งออกไปในทวีปเอเชีย ยุโรป ฯลฯ มูลค่าปีละกว่า 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การบริโภคของตลาดภายในประเทศยังน้อย ผู้ประกอบการจึงพยายามพัฒนาตลาดในประเทศมากขึ้น
ด้านนายรุ่งโรจน์ ลิมปะนะพฤกษ์ ประธาน บริษัท ชา 101 จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันไร่ชา 101 มีพื้นที่ปลูกประมาณ 450 ไร่ แต่ละปีเก็บผลผลิตได้ 4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 3.5 ตัน คาดว่าผลผลิตใบชาบนดอยแม่สลองมีจำนวนกว่า 10 ตัน ซึ่งผลผลิตที่ได้มีทั้งการจัดทำเป็นบรรจุภัณฑ์จำหน่ายภายในประเทศ และส่งไปขายยังต่างประเทศ โดยมีราคาขายส่งชาอู่หลงกิโลกรัมละ 600-700 บาท ราคาขายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,000 บาทขึ้นไป ส่วนชาอัสสัมซึ่งเป็นชาพื้นเมืองราคากิโลกรัมละ 150 บาท ตลาดต่างประเทศสำคัญ คือ ไต้หวัน ซึ่งรับซื้อใบชาจากดอยแม่สลองมานาน รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปีนี้ไร่ชา 101 ส่งชาไปอเมริกาแล้วประมาณ 4 ตัน
อย่างไรก็ตาม ใบชาจากดอยแม่สลองที่ส่งไปไต้หวันนั้น ไม่ได้มีการนำไปบริโภคภายในไต้หวันทั้งหมด แต่มีการนำไปบรรจุหีบห่อใหม่ และส่งไปขายต่อที่ตลาดประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ โดยสามารถจำหน่ายในราคาที่สูงกว่าต้นทุนมาก ส่งผลให้ตลาดจีนเข้าใจว่าชาคุณภาพดีที่ปลูกจากดอยแม่สลองเป็นใบชาจากไต้หวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมากเพราะต้องยอมรับว่าใบชาที่ปลูกบนดอย แม่สลองเกิดจากดินดอยที่มีความอุดมสมบูรณ์ อากาศดี เมื่อนำไปชงเปรียบเทียบกับชาจีน หรือชาผู่เอ๋อแล้วพบว่าน้ำชาอู่หลงของไทยจะมีสีทองอมเขียวสดใสกว่า กลิ่นหอมกว่า ขณะที่ใบชาที่ปลูกในไต้หวันส่วนใหญ่เป็นดินปนหิน
ใน ปัจจุบันผู้ประกอบการได้พยายามหาทางเจาะตลาดไปยังประเทศจีนโดยตรง ในส่วนของไร่ชา 101 ได้ทดลองส่งออกไปจีนประมาณ 4 ตัน ผ่านทางท่าเรือแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และส่งไปถึงเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนหนาน จากนั้นมีการนำส่งต่อไปยังเมืองคุนหมิง ก่อนกระจายไปยังเมืองใหญ่อื่น ๆ เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ที่เคยรับซื้อชาดอยแม่สลองมาจากไต้หวัน
"ปัญหา ที่เจอก็คือ ผู้ประกอบการจีนยังไม่รู้จักไร่ชาของไทย เพราะเคยซื้อชาลักษณะนี้จากไต้หวัน หากผู้ประกอบการจะไปเจาะตลาดเองทั้งหมดจึงเป็นเรื่องลำบาก หวังว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนสินค้าใบชาไทยโดยไม่ต้องลงทุนใด ๆ เพียงแต่ชี้นำว่าประเทศไทยมีสินค้าใบชาคุณภาพดี และแนะนำให้ซื้อสินค้าจากเอกชนไทย โดยอาจจะเริ่มต้นในเวทีประชุมต่าง ๆ หรือในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลก็ได้"
นายรุ่งโรจน์กล่าวอีกว่า ตลาดจีนมีความต้องการใบชาดอยแม่สลองไม่จำกัด จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะพัฒนาสินค้าไทยอย่างมาก และจะส่งผลไปถึงห่วงโซ่ทั้งหมดในกิจกรรมใบชาตั้งแต่สวนชา การจ้างงานประชาชนในพื้นที่ และภาคการขนส่ง
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
