จาก โพสต์ทูเดย์
อ่างเก็บน้ำ 2 แห่งแหล่งผลิตน้ำประปาป้อนเมืองบุรีรัมย์แห้งเข้าขั้นวิกฤต เหลือน้ำเพียง54%ของความจุ
นายยงศักดิ์ ประภาพันธ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ได้นำรถแบล็คโฮ มาขุดลอกผักตบชวา และวัชพืชจำนวนมาก ที่ขวางคลองส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดเพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลลงสู่อ่าง เก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร หลังประสบปัญหาภัยแล้งปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ลดต่ำลงเหลือเพียง 54 % หรือ 14 ล้านลูกบาศก์เมตรจากปริมาณความจุอ่างกว่า 26 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งทางชลประทานมีเป้าหมายจะสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดมาสำรองเพิ่ม เติมในอ่างห้วยจระเข้มากอีก 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้มีน้ำดิบเพียงพอในการผลิตประปาเพราะแต่ละวันจะต้องใช้น้ำดิบผลิต ประปามากถึงวันละกว่า 28,000 ลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้จากที่ก่อนหน้านี้ได้ทำการสูบผันน้ำจากลำน้ำมาศระยะทางยาวกว่า 16 กิโลเมตร เพื่อมาเติมสำรองในอ่างแล้วกว่า 5ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ขณะนี้มีน้ำกักเก็บในอ่างเพิ่มขึ้นเป็น 54% จากที่ก่อนหน้านี้มีน้ำกักเก็บเพียง 49% เท่านั้น ส่วนอ่างเก็บน้ำสำคัญอีกแห่งที่น่าห่วง คือ อ่างเก็บน้ำห้วยสวาย แหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาบริการประชาชนในเขต อ.กระสัง ขณะนี้มีน้ำกักเก็บอยู่เพียง 3.9 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 13.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ต้องประกาศงดปล่อยน้ำให้เกษตรกรทำนาปรังและปลูกพืชฤดูแล้ง พื้นที่รอบอ่างทั้ง 2 อ่างกว่า 3,000 ไร่เพราะเกรงจะไม่มีน้ำดิบผลิตประปาบริการประชาชนได้ตลอดทั้งปี
นายยงศักดิ์ กล่าวอีกว่า อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากเป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตประปาบริการประชาชน ในเขต อ.เมือง และ อ.ห้วยราช กว่า 23,000 ครัวเรือน แต่ละวันจะต้องใช้น้ำดิบผลิตประปาถึง 28,000 ลูกบาศก์เมตร และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจึงร้องขอให้ประชาชนได้ใช้น้ำอย่าง ประหยัดเพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำด้วย
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
