สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

อียูสั่งแบนสองบริษัทต้มทูน่าไม่สุก ส.อาหารสำเร็จรูปโล่งไม่กระทบผู้ส่งออกส่วนใหญ่

จากประชาชาติธุรกิจ

การส่งออกสินค้าปลาทูน่ากระป๋องของประเทศไทยกำลังประสบปัญหา หลังจากที่สหภาพยุโรปตรวจพบ กระบวนการให้ความร้อนเพื่อทำให้ปลาทูน่าสุก (inadequate thermal processing) ก่อนบรรจุกระป๋อง เพื่อทำให้อาหารปราศจากเชื้อโรคได้กระทำโดยไม่เหมาะสม โดยสหภาพยุโรปมีการรายงานเรื่องนี้ผ่านระบบเตือนภัยด้านอาหารและอาหารสัตว์ หรือ RASFF (Rapid Alert System for Food and Feed) หลังจากตรวจพบทูน่ากระป๋องไม่สุก หรือสุกไม่เพียงพอ ณ ด่านนำเข้าถึง 17 ครั้ง จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเกี่ยวพันกับความปลอดภัยในการบริโภคอาหารของผู้บริโภคในอียู


 

 


นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ ประธานกลุ่มผู้ผลิตปลาทูน่า สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มีบริษัทผู้ส่งออกทูน่ากระป๋องรายใหญ่ของประเทศไทย 1-2 บริษัท ผลิตปลาทูน่าที่ไม่สุกเพียงพอ ส่งผลให้ด่านนำเข้ายกเลิกการนำเข้าทูน่ากระป๋องในลอตนี้ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 100-200 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัดส่วนไม่มากนักเมื่อเทียบกับยอดส่งออกทูน่าโดยรวมที่เฉลี่ย อยู่ระหว่าง 80,000-90,000 ล้านบาท

"กรณีการสั่งห้ามนำเข้าทูน่าที่ ไม่สุกนี้ เป็นเรื่องเฉพาะโรงงานแต่ละราย ซึ่งก็มีเพียง 1-2 รายเท่านั้นที่ถูกสั่งระงับการนำเข้า ในขณะที่อีก 20 บริษัทสามารถผลิตตามมาตรฐานสหภาพยุโรป ส่งออกได้เป็นปกติอยู่แล้ว" นายชนินทร์กล่าว

อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปได้ประสานไปยังกรมประมง และได้แจ้งเตือนไปยังสมาชิกรายอื่นให้เพิ่มความระมัดระวังในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับผู้บริโภค โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรปซึ่งถือว่ามีส่วนแบ่งการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 9-10% ต่อปี และทางสมาคมเชื่อมั่นว่า ผลจากกรณีนี้จะไม่ขยายวงกว้างจนทำให้สหภาพยุโรปเพิ่มมาตรการตรวจสอบทูน่า กระป๋องไทยอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ

"การส่งออกสินค้าทูน่ากระป๋องในปี นี้ยังขยายตัวได้ดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกสามารถส่งออกเพิ่มขึ้น 15% แม้ว่าจะมีปัจจัยที่ตลาดสหภาพยุโรปเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ยอดส่งออกทูน่าในบางประเทศยุโรปก็เติบโตได้ดี นอกจากนี้การส่งออกไปยังตลาด Emerging Market กลุ่มแอฟริกาใต้ก็เติบโตได้ดี เช่นเดียวกับกลุ่มตะวันออกกลาง อาทิ ลิเบีย อียิปต์ เพิ่มขึ้นกว่า 50% หลังจากปัญหาการเมืองภายในคลี่คลาย ผมเชื่อว่าแนวโน้มจะดีขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า" นายชนินทร์กล่าว

ล่า สุด ทางสมาคมได้คาดหมายการส่งออกทูน่ากระป๋องในปี 2556 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีนี้ หากผู้ส่งออกไทยยังสามารถขยายฐานการส่งออกไปยังตลาดที่มีศักยภาพในกลุ่ม ตะวันออกกลาง-แอฟริกาได้มากขึ้น ก็จะช่วยชดเชยผลกระทบในส่วนของตลาดสหภาพยุโรปที่ลดลงได้

นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบปลาทูน่า และราคาปลาทูน่าที่เพิ่มสูงขึ้นก็ได้เริ่มคลี่คลายลงแล้ว โดยขณะนี้ราคาวัตถุดิบได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 2,000-2,100 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือ "ลดลง" จากช่วงกลางปีที่ราคาเคยปรับขึ้นสูงสุดถึง 2,350 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้การจับปลาลดลง แต่ขณะนี้แหล่งวัตถุดิบแถบมหาสมุทรแปซิฟิกสามารถจับปลาทูน่าได้มากขึ้น ประกอบกับได้แสวงหาแหล่งวัตถุดิบในอินโดนีเซียและเวียดนามมาช่วยเสริม ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบลดลง ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการส่งออก

ทั้งนี้ ประเทศไทยส่งออกทูน่ากระป๋องไปยัง 200 ประเทศทั่วโลก ตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 20% รองลงมาได้แก่ ออสเตรเลียและญี่ปุ่น 20%, แอฟริกา 16% และสหภาพยุโรปอีก 9% ส่วนที่เหลือกระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก


รักษ์ไม้,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,มูลไส้เดือนดิน,การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยอินทรีย์,ปุ๋ยชีวภาพ

Tags :

view