จาก โพสต์ทูเดย์
ปาล์มราคาตกเหลือ 4 บาท ผลผลิตล้นตลาด เกษตรกรเฉา รายได้หด ร่อนจดหมายร้องสุเทพช่วย
กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า นายวิเชียร คันฉ่อง สมาชิกวุฒิสภา จ.ตรัง ได้ทำหนังสือร้องเรียนปัญหากดราคารับซื้อผลปาล์มเกษตรกรถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี หลังพบว่ามีบริษัทปาล์มน้ำมันไม่ยอมรับซื้อ หรือรับซื้อผลปาล์มน้อยกว่าที่รัฐบาลกำหนดในราคา กก.ละ 6 บาท จนทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนขายปาล์มได้ราคาต่ำเพียง กก.ละ 4.004.20 บาท สวนทางค่าปุ๋ยและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
โรงงานอ้างว่า ปริมาณน้ำมันในผลปาล์มมีน้อยกว่ามาตรฐาน 17% อีกทั้งผลปาล์มยังมีเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแล้ว สวนทางกับข้อมูลของกรมการค้าภายในที่ระบุว่ามีการซื้อขายปาล์มที่กก.ละ 6 บาท เนื่องจากการสำรวจข้อมูลได้มาจากการสอบถามผู้รับซื้อ หรือโรงสกัด ไม่ได้ถามจากเกษตรกร ทำให้รับข้อมูลไม่สะท้อนกับความจริง ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มก็พบรับซื้อเพียงกก.ละ 33-34 บาท ต่ำกว่าที่รัฐกำหนดไว้ 36.28 บาท
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังประเมินด้วยว่า ขณะนี้มีสต๊อกเหลือเก็บมาก แต่ราคาผลปาล์มก็กลับเข้าสู่ภาวะกลไกตลาดแล้ว ปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตรวมถึง 8.93 ล้านตัน โดยเดือนเม.ย.พ.ค. จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากสุดเดือนละ 1 ล้านตัน
สถานการณ์นี้ส่งผลให้ตัวเลขสต๊อกปาล์มเดือน พ.ค. น่าจะสูงถึง 2.12 แสนตัน และเดือน มิ.ย. จะเพิ่มเป็น 2.64 แสนตัน สูงกว่าสต๊อกปกติที่ 2 แสนตัน หลังจากนั้นคาดว่าผลผลิตจะออกมาต่อเนื่อง ทำให้สต๊อกปาล์มเพิ่มขึ้นจนถึง 3.81 แสนตันในช่วงสิ้นปี
นอกจากนี้ ยังพบว่าเดือน เม.ย. ประเทศไทยมีน้ำมันปาล์มเหลือเพียงพอต่อการส่งออกได้ถึง 1.97 หมื่นตัน แยกเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 1.40 หมื่นตัน และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 5,717 ตัน
สะท้อนว่าปัญหาน้ำมันปาล์มได้คลี่คลายสู่ภาวะปกติ จึงควรเลิกกำหนดราคารับซื้อน้ำมันปาล์มที่จ่ายชดเชยให้โรงสกัด กก.ละ 1.79 บาท โดยการเสนอกำหนดราคาซื้อขั้นต่ำแทน บวกกำไรให้ชาวสวนปาล์ม 25-30% และควรปรับโครงสร้างการคำนวณราคาขายปลีกใหม่ เนื่องจากพบสัดส่วนการคำนวณต้นทุนและราคาขายซ้ำซ้อน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายการผลิต การขาย การบริหาร และส่วนเหลื่อมที่รวมกันกว่า 8.50 บาท หากปรับลดได้จะทำให้ราคาขายปลีกถูกลง
ปัจจุบันการคำนวณราคาขายปลีกปาล์มที่ขวดละ 47 บาท มาจากฐานราคาผลปาล์ม กก.ละ 5.20บาท หรือราคาน้ำมันปาล์ม กก.ละ 32.56 บาท แบ่งเป็นต้นทุนวัตถุดิบน้ำมันปาล์ม 30.93 บาท ค่าภาชนะบรรจุ 4.50 บาท ค่าใช้จ่ายผลิต 2 บาท รวมต้นทุนผลิตจริง 37.43บาท แต่ยังต้องบวกค่าใช้จ่ายขายและบริหารอีก 3 บาท ส่วนเหลื่อม 3.50 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% รวมเป็น 47 บาท
