จาก โพสต์ทูเดย์
ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจเกษตรกรไทยต่อนโยบายรัฐบาลให้คะแนน 7 เต็ม 10 เสนอรัฐบาลใหม่ช่วยลดต้นทุนการผลิตเรื่องปุ๋ย-เมลโพนธุ์
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจสถานภาพเกษตรกรไทยและนโยบายภาคเกษตรที่ เกษตรกรต้องการ ซึ่งเป็นการสำรวจเกษตรกรกลุ่มตัวอย่าง 1,182 รายทั่วประเทศระหว่างวันที่ 19-22 พ.ค. 2554 ในเรื่องทัศนะความนิยมต่อนโยบายด้านการเกษตรของพรรคการเมืองต่าง พบว่า เกษตรกรให้คะแนนพอใจต่อนโยบายภาคการเกษตรของรัฐบาลปัจจุบัน 7 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยเกษตรกรภาคเหนือให้คะแนน 7.7 คะแนน ภาคใต้ 7.4คะแนน กทม.และปริมณฑล 7.3 คะแนน ภาคกลาง 7.3 คะแนนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5.8 คะแนน
สำหรับนโยบาย 5 อันดับแรกในนโยบายของพรรคการเมือง พบว่า อันดับ 1 คือ การเพิ่มเงินประกันรายได้อีก 25% จากโครงการประกันรายได้ ซึ่งได้คะแนน 7.84% ลำดับ 2 การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ25% ในเวลา 2 ปีพร้อมพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานได้คะแนน 7.69% ลำดับ 3การขยายประกันสังคมสำหรับเกษตรกรและแรงงานนอกระบบให้ครอบคลุม 25 ล้านคนได้คะแนน 7.69% ลำดับ 4 .การประกันราคาข้าวเปลือกตันละ 2 หมื่นบาท สนับสนุนประกันราคาสินค้าเกษตร 7.71% และลำดับ 5. ให้เกษตรกรมีบัตรเครดิตไว้ซื้อปัจจัยการผลิต 7.6%
ทั้งนี้หากแยกเป็นรายภาคจะพบว่า เกษตรกรในเขตกทม.และปริมณฑลชอบนโยบาย เพิ่มกำไรอีก 25%ของโครงการประกันรายได้มากที่ที่สุด 8.38% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชอบนโยบายบัตรเครดิตเกษตรกรมากที่สุด 7.58% ภาคกลางชอบนโยบายประกันสังคมของแรงนอกระบบมากที่สุด 7.8% ภาคเหนือชอบนโยบายข้าวเปลือกตันละ 2 หมื่นและกองทุนประกันราคาสินค้าเกษตรมากที่สุด 8.27% เกษตรกรภาคใต้ชอบนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 25% ใน2 ปีมากที่สุด 8.31%
หัวข้อสิ่งที่คาดหวังจากรัฐบาลชุดใหม่มากที่สุดด้านการเกษตร ในหัวข้อภาพรวมที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาด้านใดมากที่สุด เกษตรกร 21.%เห็นว่าต้องลดต้นทุนการผลิตสินค้า 20% ต้องการให้ดูแลราคาสินค้าเกษตรกรให้สูงขึ้น 16.8% ต้องการให้ดูแลราคาสินค้าแพง 16.1% ปัญหาหนี้สินเกษตรกร 12.9% ต้องการให้แก้ไขภัยธรรมชาติ 12.2%.ให้แก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินของเกษตรกร
ทั้งนี้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล เกษตรกร 25% ต้องการให้ ต้องการให้ลดต้นทุนการผลิตทั้งในเรื่องปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ มากที่สุด รองลงมา 15.3 % ต้องการให้ดูแลเรื่องประกันราคาสินค้า 7.5% ให้พักหนี้เกษตรกร ส่งเสริมอาชีพ
ในด้านทัศนะต่อการเลือกตั้งเปรียบเทียบการเลือกส.ส.ในอดีตกับปัจจุบัน พบว่า เกษตรกรเลือกนโยบายพรรคมากที่สุดถึง 87.1% ตามด้วยเลือกพรรคที่ต้องการให้หัวหน้าเป็นนายกฯถึง 76.3% เลือกตัวบุคคล 57% เลือกตามครอบครัว 16.3% และเลือกตาม เพื่อน 12.5 % โดยเกษตรกรสนใจติดตามข่าวสารการเลือกตั้งด้านนโยบายมากที่สุดถึง 65.81% ข่าวทุจริตการเลือกตั้ง 51.41% ข่าวลงพื้นที่หาเสียง 47.30% ข่าววิเคราะห์สถานการณ์เลือกตั้ง 32.48% ข่าวทำร้ายกันในช่วงเลือกตั้ง 31.19% ข่าวกลโกงการเลือกตั้ง 25.19% ข่าวโต้วาทีกันเรื่องนโยบายออกทีวี 24.08% และในหัวข้อที่ไม่ชอบอะไรในการเลือกตั้งปรากฏว่า เกษตรกร 48.2% ไม่ชอบการทุจริต 24% ไม่ชอบการโจมตีใส่ร้ายและเสียดสีคู่แข่ง 14.1 % ไม่ชอบการซื้อตัว ส.ส. 9.4% ไม่ชอบความรุนแรงที่เกิดในช่วงเลือกตั้ง
สำหรับหัวข้อท่านชอบอะไรในการเลือกตั้งพบว่า เกษตรกร 24.8 % ชอบการได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 21.7 ชอบการได้รัฐบาลใหม่ 20.8 ชอบที่จะได้เห็นส.ส.ลงพื้นที่ 17 ชอบนโยบายพรรคการเมือง 13.6 ชอบที่ได้กลับบ้านไปเลือกตั้ง อีก 2.2%เป็นในเรื่องอื่นๆ
สำหรับสถานการณ์ด้านภาคเกษตร พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ 56.9 % มีรายได้มากกว่า 10,000-20,001 ต่อเดือน รายได้หลักมาจากภาคเกษตร เฉลี่ยครัวเรือนต่อปีอยู่ที่ประมาณ 2.6 แสนบาทซึ่งเป็นรายได้ที่ยังไม่หักต้นทุนการผลิต เกษตรกร 82.5% และไม่มีอาชีพเสริมถึง 62.7% โดยให้เหตุผลว่า ไม่รู้จะทำอาชีพอะไรถึง 44.4% ไม่มีเงินทุน 39.4% และเกษตรกรส่วนใหญ่ถึง 84.1 % เห็นว่าการทำการเกษตรคือตัวการทำให้เกิดภาระหนี้เพิ่ม โดยเกษตรกร 29.6% เป็นหนี้มากกว่า 1 แสนบาทขึ้นไป และมีหนี้สินโดยรวมอยู่ที่ 1.2 แสนบาทต่อครัวเรือนต่อปี เป็นหนี้ในระบบ 34.7 และหนี้นอกระบบ 34.7 เป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบ 30.6%
เหตุผลสำคัญที่เป็นหนี้นอกระบบมาจากการไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันถึง 50.6 การกู้จากสถาบันการเงินช้าไม่ทันเวลา 25.5 % ในขณะที่รายได้ของภาคเกษตรในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เกษตรกร 74.6 % เห็นว่าการทำการเกษตรทำให้เขามีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายจนถึงรอบปี หน้า เกษตรโดยรวม 55.3% ยังเชื่อว่าการทำการเกษตรจะทำให้เขาปลดหนี้ได้ ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เกษตรกร 32.1 เห็นว่าลดลงเล็กน้อย เกษตรกร 31.1 เห็นว่าเท่าเดิม