จาก โพสต์ทูเดย์
กอน.คาดอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลปีนี้รับทรัพย์สร้างรายได้รวม กว่า1.7-1.8 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 30%
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ถึงทิศทางอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มทั้งระบบสร้างรายได้กว่า 1.7-1.8 แสนล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ระดับ 1.35 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 92 ล้านตันสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 66 ล้านตัน โดยจะผลิตน้ำตาลได้9.5 ล้านตัน จากพื้นที่เพาะปลูกอ้อย 8 ล้านไร่ ซึ่งขณะนี้ได้ตัดอ้อยไปแล้ว 89 ล้านตัน ผลิตเป็นน้ำตาลได้แล้ว 9.2 ล้านตัน
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวดีขึ้นเฉลี่ย ที่ 23 -24 เซนต์/ปอนด์ เป็นราคาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูแลยังทำให้เอทานอลที่เป็นผลผลิตจาก น้ำตาลมีราคาดีด้วย โดยจะผลักดันให้ราคาน้ำตาลยังทรงตัวในระดับสูง ต่อเนื่อง สำหรับราคาอ้อยขั้นสุดท้ายฤดูกาล 53/54 คาดว่าจะสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้น ที่ 1, 050 บาท/ตัน แต่ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายคาดว่า จะอยู่ที่ระดับกว่า 1,110 บาท/ตัน
“เมื่อมองในภาพรวมปีนี้อุตสาหกรรมอ้อย และน้ำตาลเป็นปีที่ดี คาดว่าในฤดูกาลใหม่ 54/55 ผลผลิตน้ำตาลคงจะไม่ต่ำกว่าปีนี้ และสร้างรายได้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียง ซึ่งผลผลิตอ้อยปีนี้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องเลื่อนการปิดหีบอ้อยฤดูกาลผลิต 53/55 ออกไปเป็นช่วงกลางถึงปลายเดือนพ.ค. จากปกติจะปิดหีบในเดือนเม.ย.ของทุกปี ประกอบกับเจอกับอากาศฝนตกทำให้การขนย้ายอัอยทำได้ลำบากด้วย”นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติคงปริมาณน้ำตา โควตา ก. เพื่อการบริโภคไว้ 25 ล้านตัน และปริมาณสำรองโควตา ก จำนวน 3 ล้านตัน เพราะขณะนี้ปริมาณน้ำตาลค้างกระดาน(ยังเหลือ) ถึง 1.5 แสนตันสูงกว่าปีที่แล้วกว่า 5 หมื่นตัน โดยหลังจากนี้จะมีการประเมินสถานการณ์กันอีกครั้งก่อนปิดหีบในเดือนพ.ค.