สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ชีวิตพอเพียง...ด้วยเกษตรผสมผสาน

จาก เดลินิวส์ออนไลน์

 

วันนี้...มี เรื่องราวของเกษตรกรตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง เขาเป็นหมอดินอาสาประจำอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นเกษตรกรตัวอย่างที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่มี ความเสี่ยงสูง ผันตัวเองมายึดหลักการทำเกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พิสูจน์ด้วยตัวเองมากว่า 10 ปี สามารถยืนยันแล้วว่าเป็นวิถีเกษตรที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพและชีวิต ครอบครัว จนกระทั่งได้รับการเสนอชื่อ
เข้าคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประจำปี 2554 เขาคนนั้นคือ นายประดิษฐ์ สารีคำ

นายประดิษฐ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนมาสู่วิถีการทำเกษตรผสมผสานตามแนวเศรษฐกิจ พอเพียงว่า จากการได้ไปศึกษาดูงานศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประกอบกับการได้สมัครเข้าเป็นหมอดินอาสาของสถานีพัฒนาที่ดินพิษณุโลก ทำให้ตัดสินใจกลับมาพัฒนาพื้นที่ของตนเอง มีการวางแผนบริหารจัดการทรัพยากรให้สามารถใช้ประโยชน์สูงสุด ปลูกพืชผสมผสาน ตั้งแต่ระดับใต้น้ำ บนพื้นน้ำ ปลูกพืชคลุมดิน ปลูกไม้เลื้อย ไปจนถึงไม้ใหญ่ ในรูปแบบวนเกษตร เรียกว่าปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เหลือก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน และก็ขายสร้างรายได้หมุนเวียนจุนเจือครอบครัวได้อย่างไม่ขัดสน

โดยหมอดินประดิษฐ์มีการบริหารจัดการพื้นที่ 35 ไร่ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ได้แก่ ปลูกข้าว 2 งาน เพื่อไว้บริโภคในครัวเรือน ซึ่งหลังการเก็บเกี่ยวจะหมักฟาง ใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกที่ได้จากมูลโคที่เลี้ยงไว้และปล่อยน้ำเข้าแปลงนาเพื่อเลี้ยงปลา หลังจากจับปลาแล้วจะหว่านข้าวแบบน้ำตม ใส่น้ำหมักชีวภาพและน้ำหมักสารขับไล่แมลงจากสารเร่ง พด.7 วิธีการนี้ทำให้ได้ผลผลิตข้าวประมาณ 600 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ มีการปลูกพืชผักสวนครัว จำนวน 8 ไร่ เช่น ผักหวานบ้าน ต้นคูณ มะกอก ชะพลู กระชาย มะกรูด มะนาว กะเพราะ ผักชี ฟัก ชะอม เป็นต้น โดยใช้ปุ๋ยคอก น้ำหมักชีวภาพ ซึ่งทำให้ได้ผลผลิตสม่ำเสมอ

ส่วนไม้ผลและไม้ยืนต้นนั้นปลูกไว้ในพื้นที่ 15 ไร่ ได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง ไผ่ทวาย และ มะม่วง มะพร้าว ส้มโอ กระท้อน มะขามหวาน ลำไย มะละกอ ซึ่งวิธีจัดการพื้นที่นั้นแต่เดิมเป็นพื้นที่ปลูกมะม่วงที่มีการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีมานานทำให้ดินแข็ง แน่น ดินเป็นกรด จึงปรับสภาพดินด้วยปูนโดโลไมท์ และรดน้ำที่ผสมน้ำหมักชีวภาพ พด.2 โดยในแปลงกล้วยนั้นจะตัดใบกล้วยมาคลุมร่องปลูกและปล่อยให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ย บำรุงได้อีกทาง นอกจากนี้ ยังปลูกไม้เศรษฐกิจ จำพวก ยูคาลิปตัส พะยูง กฤษณา ตะเคียนทอง รวมพื้นที่ 4 ไร่ และบ่อปลาอีกประมาณ 7 ไร่

“ตั้งแต่ปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรผสมผสานนอกจากจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงจากการ ลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางเกษตรได้มากแล้ว รายได้ยังเพิ่มขึ้นซึ่งเฉลี่ยแล้วต่อปีจะมีรายได้จากการจำหน่ายพืชผลทางการ เกษตรที่มีทั้งหมดประมาณ 366,000 บาท ที่สำคัญเราได้ตกลงกับครอบครัวคือภรรยาและลูก 2 คน ว่า จะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามปรัชญาของในหลวง คือเราจะทำบัญชีครัวเรือนว่ามีรายได้เท่าไร จะใช้จ่ายกันอย่างไร และสอนลูกให้รู้จักประหยัดและอดออมเพื่อความมั่นคงในอนาคต”หมอดินประดิษฐ์ กล่าวผู้ใดสนใจสามารถไปเยี่ยมชมได้
ที่ 97/1 หมู่ 6 ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เบอร์โทร. 08-1474-9349.

Tags :

view