สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

น้ำมันถั่วเหลืองหายวับ

จาก โพสต์ทูเดย์

แม้อนุมัติขึ้นราคาลิตรละ9บาทนายกฯแจงจำใจปล่อยของแพง

น้ำมันถั่วเหลืองขาดตลาด ทั้งที่รัฐให้ขึ้นราคาได้ลิตรละ 9 บาท

หลังจากที่รัฐบาลอนุมัติให้ขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดลิตรละ 9 บาท จากราคา 46 บาท เป็นขวดละ 55 บาท สูงกว่าราคาน้ำมันปาล์มที่ตรึงราคาไว้ที่ขวดละ 47 บาท ซึ่งมีผลตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ปรากฏว่ากลับไม่มีน้ำมันถั่วเหลืองวางขาย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด

ผู้ค้าปลีกน้ำมันพืชในหลายจังหวัด อาทิ นครราชสีมา เชียงใหม่ และพิษณุโลก กล่าวตรงกันว่าตลอดสัปดาห์มีข่าวการขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้น้ำมันถั่วเหลืองไม่มีวางขายในท้องตลาด แม้ขึ้นราคาแล้วยังหาซื้อสินค้าไม่ได้

นางอัญญาณี บุรมโคตร เปิดเผยว่า ทางร้านยังไม่มีน้ำมันถั่วเหลืองมาวางขายเนื่องจากสินค้ายังขาดตลาดอยู่ ในส่วนของน้ำมันปาล์มก็เพิ่งมีวางจำหน่ายเพียงแค่ไม่กี่วันที่ผ่านมา อีกทั้งผู้ค้าหลายรายเกรงว่า สถานการณ์ราคายังไม่แน่นอน ส่วนใหญ่จึงไม่กล้ารับที่จะนำมาขายเป็นจำนวนมากๆ อย่างที่ร้านเคยรับมาวางขายวันละ 45 ลัง ก็ลดจำนวนเหลือเพียงไม่กี่ขวดเท่านั้น

ขณะที่ราคาไข่ไก่กลับสูงขึ้น จากเดิมที่จำหน่ายถาดละ (30 ฟอง) 90 บาท ก็ปรับเป็นถาดละ 100 บาท และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่สามารถอั้นต้นทุนบิดเบือนกลไกตลาดได้อีกแล้ว จึงต้องปล่อยให้ขึ้นราคาสินค้าหลายรายการ

“ปัญหานี้เกิดจากราคาต้นทุนของถั่วเหลืองซึ่งเกิดผลกระทบตั้งแต่ตอนที่ ราคาน้ำมันปาล์มเขย่งราคาสูงขึ้นแล้ว ทำให้ราคาน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มเหลื่อมราคากันอยู่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานปัญหานี้ และพยายามชะลอไม่ให้มีการขึ้นราคามาโดยตลอด แต่ที่ตัดสินใจให้ขึ้นราคาครั้งนี้เพราะไม่ไหวแล้ว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เคยบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าสินค้าอุปโภคบริโภคบางตัวเราไม่สามารถยันราคาได้ ตลอดไป เพราะจะเกิดปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างทางการตลาดและปัญหาขาดแคลนสินค้า ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหา มากกว่า

“เห็นใจทุกคน เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องของผลผลิต ที่ยังไม่ทราบว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมมากน้อยแค่ไหน หากสถานการณ์คลี่คลายทุกอย่างอาจจะค่อยๆ ปรับราคาลงได้ แต่ต้องขอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง และขณะนี้คิดว่าน้ำมันถั่วเหลืองคงจะไม่ขึ้นราคาอีกแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าวนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เห็นใจทุกคน เพราะเป็นสิ่งของที่มีความจำเป็นในชีวิต และถือว่าเป็นเรื่องยากที่เราจะยันราคาน้ำมันถั่วเหลืองไว้ได้ ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มอยู่ขวดละ 47 บาท และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ายังต้องคงราคาน้ำมันปาล์มไว้ที่ขวดละ 47 บาท เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องของผลผลิตที่ยังไม่ทราบว่าจะได้รับผล กระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมมากน้อยแค่ไหน หากสถานการณ์คลี่คลายทุกอย่างอาจจะค่อยๆ ปรับราคาลงได้ แต่ต้องขอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่งและขณะนี้ คิดว่า น้ำมันถั่วเหลืองคงจะไม่ขึ้นราคาอีกแล้ว

รัฐบาลจะดูแลอย่างไร เพราะมีข่าวว่าสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทอื่นเตรียมขึ้นราคาตามมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีเรื่องของราคานมที่เราต้องซื้อน้ำนมดิบในราคาสูงขึ้น ส่วนปุ๋ยตนได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลแล้วเพราะถือว่าเป็นต้นทุนที่ สำคัญในการผลิตบรรยากาศการจำหน่ายน้ำมันพืชในตลาดสดเทศบาลนครพิษณุโลก อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากที่คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาสินค้าน้ำมันพืช ได้มีมติให้ปรับราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด (1ลิตร) เพิ่มขึ้น 9 บาท จาก 46บาท/ขวด เป็น 55 บาทมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปรากฎว่า ตลาดสดใน อ.เมือง จ.พิษณุโลก ไม่มีน้ำมันถั่วเหลือวางจำหน่าย

นางเล็ก เอี่ยมพร อายุ 67 ปี ผู้ค้ารายหนึ่ง เปิดเผยว่า น้ำมันถั่วเหลืองทุกชนิด ทุกยี่ห้อ ยังไม่มีวางขาย ยี่ปั๊วรายใหญ่ยังไม่มีสินค้ามาส่ง แม้ว่าจะมีการปรับราคาขายขึ้นมาอีกลิตรละ 9 บาทแล้วก็ตาม เช่นเดียวกับ นางอัญญาณี บุรมโคตร ที่เปิดเผยว่า ทางร้านยังไม่มีน้ำมันถั่วเหลืองมาวางขาย เนื่องจากสินค้ายังขาดตลาดอยู่ ในส่วนของน้ำมันปาล์ม ก็เพิ่งมีวางจำหน่ายเพียงแค่ไม่กี่วันที่ผ่านมา อีกทั้งผู้ค้าหลายราย เกรงว่า สถานการณ์ราคายังไม่แน่นอนส่วนใหญ่จึงไม่กล้ารับที่จะนำมาขายเป็นจำนวนมาก ๆ อย่างที่ร้านเคยรับมาวางขายวันละ 4 – 5 ลัง ก็ลดจำนวนเหลือเพียงไม่กี่ขวดเท่านั้น

ด้านราคาขายปลีก น้ำมันปาล์มบรรจุขวดฝาสีชมพูในจังหวัดพิษณุโลก ทางร้านค้าขายที่ราคา 47 – 48 บาท ในห้างสรรพสินค้า 47 บาท และไม่มีการจำกัดจำนวนในการซื้อ ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองในห้างสรรพสินค้าเริ่มมีจำหน่าย ขวดละ 55 56 บาท มีการจำกัดจำนวนการซื้อเพียง 1 ขวดต่อครอบครัว

ที่ตลาดเมืองใหม่ ตลาดส่งสินค้าทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเชียงใหม่ ปรากฏว่าน้ำมันถั่วเหลืองไม่มีจำหน่ายมานานแล้ว โดยแม่ค้าในตลาดที่ขายน้ำมันพืชบอกว่าน้ำมันถั่วเหลืองไม่มีการจำหน่ายมา หลายเดือนแล้ว เนื่องจากเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้พบว่าการซื้อขายน้ำมันพืชตามตลาดสดหลายแห่งทั่วเมืองเชียงใหม่ มีการจำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดมากกว่าน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งมีราคาแพงกว่า ทำให้ประชาชนที่มาซื้อน้ำมันไปใช้ในครัวเรือนต่างนิยมหาซื้อน้ำมันปาล์ม มากกว่าน้ำมันถั่วเหลือ สำหรับราคาน้ำมันปาล์ม อยู่ที่ขวดละ 47 บาท โดยเฉพาะแม่ค้าที่มาหาซื้อน้ำมันนิยมที่จะซื้อน้ำมั้นปลาล์มแบบเป็นปี้ บมากกว่า เพื่อนไปปรุงอาหารสำหรับใช้ทอดอาหารประเภทต่างๆ ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืออยู่ที่ขวดละ 5557บาท ทั้งนี้เพื่อเตรียมตัวสำหรับเข้าเทสกาลสงกรานต์ของจังหวัดเชียงใหม่ที่คาด ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดเชียงใหม่


ขณะเดียวกันปัญหาไข่กลับพบว่ามีแนวโน้นการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่จำหน่ายถาดละ( 30 ฟอง ) 90 บาท มีการปรับตัวเพิ่มเป็นถาดละ 100 บาท และมีแนวโน้นที่จะขยับราคาไข่อีกด้วย


นายสุรชาติ กิติวงศ์สุนทร พ่อค้าร้านขายของชำแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันปาล์ม ก็หาซื้อได้ยากอยู่แล้ว เนื่องจากตามร้านค้าขายส่งจำกัดการซื้อครอบครัวละไม่เกิน 2 ขวด อีกทั้งยังมีของวางจำหน่ายอยู่ในชั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จึงทำให้สินค้าชนิดนี้ขาดแคลน ประกอบกับในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวการปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองมาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้น้ำมันถั่ว เหลืองแทบจะไม่มีวางขายในท้องตลาดเลย จึงทำให้ตนเองหาซื้อสินค้ามาวางจำหน่ายภายในร้านไม่ได้ จะมีก็เพียงน้ำมันถั่วเหลืองชนิดขวดครึ่งลิตร และรองลงมาที่พอจะหาซื้อมาขายให้กับลูกค้าได้ ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองชนิดขวดลิตรนั้นยังหามาวางจำหน่ายไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดี น้ำมันถั่วเหลืองชนิดขวดแบ่งขาย ก็ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้ารายย่อยที่นิยมมาหาซื้อไปปรุงอาหารภายในครอบ ครัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของน้ำมันถั่วเหลืองชนิดขวดเล็กยังคงจำหน่ายอยู่ในราคาเดิมที่ขาย กันอยู่ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลือง โดยขวดขนาดครึ่งลิตรจะอยู่ที่ขวดละ 30 บาท ขวดขนาด 0.25 ลิตร ขวดละ 18 บาท ส่วนขวดขนาด 1 ลิตร หากหาซื้อมาวางจำหน่ายได้ ก็จะขายในราคาขวดละ 55 บาท ตามที่มีการกำหนดไว้เช่นเดียวกัน

สำหรับสินค้าที่ได้รับการอนุมัติให้ขึ้นราคาอีก ได้แก่ นมพาสเจอไรซ์ นมยูเอชที เพราะต้นทุนน้ำนมดิบสูงขึ้น ส่วนปุ๋ยก็มีแนวโน้มว่าอาจจะต้องขึ้นราคา เพราะต้นทุนสูงตามราคาน้ำมัน

ทั้งนี้ นายกฯ ได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลสินค้าต่างๆ ไม่ให้มีการกักตุน เพราะถือว่าเป็นสินค้าบริโภคและอุปโภคที่สำคัญของประชาชน

Tags :

view