สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เกษตรกรกาแฟดอยช้างรวมกลุ่มจัดตั้งสหกรณ์

จาก เดลินิวส์ออนไลน์

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยกับคณะผู้สื่อข่าวในโครงการสื่อสัญจรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ในระหว่าง การเดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัด เชียงรายเมื่อวันก่อนว่า ขณะนี้ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์กำลังปรึกษาหารือกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟที่ดอย ช้างถึงการจัดตั้งสหกรณ์กาแฟดอยช้างตามการร้องขอของเกษตรกรในพื้นที่
   
ทั้งนี้เนื่องจากเกษตรกรได้มองเห็นความสำคัญและประโยชน์ที่พึงจะได้รับจาก การรวมกันทำการเพาะปลูกและการผลิตแล้วจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ว่าสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่การบริหารจัดการด้านการเพาะปลูก การบริหารจัดการด้านการตลาด และการบริหารจัดการด้านสิทธิประโยชน์และผลกำไรจากการประกอบการในรูปแบบของ สหกรณ์ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะนานนักที่จังหวัดเชียงรายก็จะมีสหกรณ์การเกษตรผู้ปลูก กาแฟเกิดขึ้น    
           
กาแฟ เป็นไม้ยืนต้นมีอายุ 4-10 ปี  เป็นพืชสมบูรณ์เพศสามารถผสมเกสรได้ด้วยตัวเองพื้นที่การปลูกกาแฟดอยช้างทั้ง หมดมีลักษณะเป็นดอยที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ  800-1,600 เมตร มีพื้นที่การเพาะปลูกทั้งหมดประมาณ 10,000 ไร่ มีสมาชิกปลูกประมาณ 1,000 ครอบครัว ปลูกประมาณ 400 ต้นต่อไร่ ผลผลิต ต่อไร่ประมาณ 7,000  กก.ต่อไร่
   
การปลูกกาแฟของดอยช้าง ทั้งหมดจะเป็นสายพันธุ์ อะราบิก้า และแยกย่อยออกเป็นอีกสามสายพันธุ์คือ 1. คาทุย 2. คาโทรา 3. คาติมอร์   ซึ่งสายพันธุ์คาติมอร์ จะปลูกมากที่สุด เพราะทนต่อโรคติดต่อ และให้ผลผลิตมาก ต้นกาแฟมีอายุยาวกว่าสองสายพันธุ์แรก ซึ่งสองสายพันธุ์แรกจะให้ผลผลิตเยอะแต่ไม่ทนต่อโรคติดต่อ
         
การปลูกเกษตรกรจะใช้ต้นกล้าอายุไม่ต่ำกว่า 8 เดือน ถึง 1 ปี  เริ่มปลูกต้นฤดูฝนประมาณ กรกฎาคม-กันยายน จะให้ผลผลิตตั้งแต่ปีที่สามขึ้นไป และจะออกดอกให้ผลผลิต 4-5 รอบ โดยเริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ  ตุลาคม-มีนาคม ของทุกปี การเก็บเกี่ยวจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากความชื้นมากก็จะผลสุกช้า หากได้แสงแดดดีจะให้ผลสุกไวสามารถเก็บเกี่ยวได้เร็ว
   
การจำหน่ายกาแฟดอยช้างของเกษตรกรมี 3 รูปแบบ คือแบบกาแฟดิบ (กาแฟเชอรี่) จำหน่ายกันในราคา  18 บาทต่อกิโลกรัม แบบกาแฟกะลา คือการนำกาแฟดิบมาแช่น้ำ 1 คืน ล้างให้สะอาด  ขัดเอาเปลือกออก ขัดเมือก และล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปตากให้แห้งประมาณ 6-7 วัน  มีความชื้นไม่เกิน 7.5 ขายกันในราคา 90-95 บาทต่อกิโลกรัม และแบบสารกาแฟ  โดยจะนำเอากาแฟกะลา มาสี ในเครื่องสี ขายกันในราคาประมาณ 140 บาทต่อกิโลกรัม มีการคัดเกรด  5 เกรด คือ 1. AA จะมีขนาดเมล็ดขนาดใหญ่เกิน 5 มิลลิเมตร  2. A มีขนาดเมล็ดประมาณ 5 มิลลิเมตร 3. กาแฟพีเบอร์รี่ มีลักษณะเม็ดกลม ขนาดใหญ่ 4. กาแฟพีเบอร์รี่ มีลักษณะเม็ดกลม ขนาดเล็ก และ 5. ประเภทตกเกรด จะเป็นเมล็ดที่หัก เล็กไม่ได้มาตรฐาน 
   
การคัดเกรดของเมล็ดกาแฟ ให้มีขนาดใกล้เคียงกันจะมีข้อดีคือเมื่อนำไปคั่วแล้วเมล็ดกาแฟจะได้สุกทั่ว ถึงกันและยังมาซึ่งรสชาติกลมกล่อมอันเป็นที่นิยมของบรรดาคอกาแฟทั้งหลาย.

Tags :

view