สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

มิวซาสิด กล้วย-ขิงพร้อมกินป้องกันแผลกระเพาะอาหาร

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ตามตำรับยาโบราณของไทยแนะ ให้กินกล้วยดิบรักษากระเพาะ แต่รสชาติที่ฟาดเฝื่อนและไม่สะดวกต่อการกิน ทำให้หลายคนเลือกที่จะหยิบยาตำรับฝรั่งมาบรรเทาอาการปวดมากกว่า ล่าสุด วว.ได้หยิบตำรับยาแผนไทยขึ้นมาปัดฝุ่นและพัฒนาสูตรแบบเป็นวิทยาศาสตร์ ดึงสารสกัดจากกล้วยและขิงออกเป็นอาหารเสริม “มิวซาสิด” กินง่าย พกสะดวก
       
       สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพร “มิวซาสิด” (Musacid) สกัดจากสารออกฤทธิ์ในกล้วยและขิง ซึ่งช่วยป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร โดยผลิตออกมาในรูปแบบเม็ดที่มีสารสำคัญ 350 มิลลิกรัม และใช้รับประทานวันละ 3 ครั้งๆ ละ 1 เม็ดก่อนอาหาร 15-30 นาที
       
       ดร.ชุลีรัตน์ บรรจงลิขิตกุล นักวิชาการฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว.และหัวหน้าโครงการวิจัยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมิวซาสิดนี้ กล่าวถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ว่าเพื่อช่วยเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ซึ่งเรารู้จักกันมานานแล้วว่ากล้วยช่วยรักษากระเพาะ แต่ยังไม่มีใครพิสูจน์ในเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ตามตำรายาโบราณยังกินยาก โดยต้องกินกล้วยดิบ 2 ช้อนโต๊ะ ซึ่งแม้จะผสมน้ำผึ้งแล้วยังได้รสชาติที่กินได้ลำบาก จึงพัฒนาออกมาให้สะดวกกิน โดยจะอม กลืนหรือเคี้ยวแล้วกลืนก็ได้โดยไม่ต้องดื่มน้ำตาม
       
       จากการทดสอบในอาสาสมัครซึ่งเป็นพนักงาน วว. จำนวน 20 ราย แบ่งเป็นผู้มีอาการปวดท้องและเป็นโรคกระเพาะ 10 ราย และผู้ที่มีอาการปกติอีก 10 ราย โดยให้กินต่อเนื่อง 7 วัน พบว่าผู้ที่เป็นโรคกระเพาะมีอาการปวดน้อยลง ส่วนผู้ที่เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่พบความผิดปกติเกิดขึ้น ทั้งนี้เป็นการตรวจสอบผลผ่านเครื่องไซโทรนิกโทโมกราฟี (PSI-tronic Tomography) เครื่องมือทดสอบจากรัสเซียที่ทีมวิจัยนำมาศึกษาดูความผิดปกติของกระเพาะ ลำไส้ ตับและไต
       
       สำหรับสาระสำคัญในกล้วยนั้น ดร.ชุลีรัตน์ กล่าวว่าช่วยกระตุ้นการทำงานของเยื่อเมือกในกระเพาะและป้องกันการเกิดแผลใน กระเพาะ ซึ่งในรายที่เครียดหรือกินอาหารไม่เป็นเวลาจะมีน้ำย่อยปล่อยออกมาทำลายเยื่อ เมือกและเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และในกรณีของผู้ป่วยโรคกระเพาะที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียนั้น สารในกล้วยไม่มีฤทธิ์ยับยั้งได้ ส่วนสารสกัดจากขิงนั้นช่วยขับลมและก๊าซในกระเพาะ โดยผู้ที่ปวดท้องส่วนหนึ่งเกิดการอักแน่นของก๊าซในกระเพาะ จึงต้องระบายออก
       
       “ข้อดีของมิวซาสิดคือกินต่อเนื่องได้โดยไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาแก้ ปวด และไม่ใช่ยา แต่อาจมีผลต่อคนที่กินกล้วยไม่ได้ ไม่ชอบรสชาติกล้วยหรือคนที่ท้องผูก และไม่แนะนำให้เด็กกิน เพราะเด็กไม่ค่อยมีอาการของโรคกระเพาะ และกินแล้วจะท้องผูกง่าย คนที่ท้องผูกก็ควรงด มี 1 รายที่เข้าทดสอบและเป็นโรคกรดไหลย้อนด้วยแล้วดีขึ้น แต่เราไม่รับรอง เพราะเราไม่ได้ทดสอบอาการกรดไหลย้อน สำหรับคนที่กินอาหารไม่เป็นเวลากินยานี้ได้ เพราะเมื่อเราไม่กินอาหาร กรดจะหลั่งออกมาและกันกระเพาะทีละน้อย จนกลายเป็นแผลในกระเพาะอาหาร” ดร.ชุลีรัตน์กล่าว
       
       ทั้งนี้ ทีมวิจัยใช้เวลาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนี้ 2 ปี โดยช่วงปีแรกใช้เวลาพัฒนาสูตรและช่วงปีหลังใช้เพื่อทดสอบการออกฤทธิ์ในคน ทั้งนี้การทดสอบผ่านจริยธรรมการทดสอบในมนุษย์ และสูตรของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนั้นมีปริมาณสารออกฤทธิ์ที่เป็นไปตามมาตรฐาน ทางวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ นักวิจัยในโครงการระบุว่าหากปวดท้องแล้วกินอาหารเสริมนี้แล้วออกฤทธิ์ได้ไม่ ดีเท่าการกินยาวทั่วไป แต่ในระยะยาวแล้วผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนี้ให้ผลดีกว่าและยังช่วยในเรื่องการ ขับลมด้วย
       
       ด้าน นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว.กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เม็ดเสริมอาหารนี้พร้อมถ่ายทอดสู่เชิงพาณิชย์แล้ว โดยผู้ประกอบการที่ได้รับการถ่ายทอด จะได้รับการดูและและช่วยปรับปรุงสูตรอาหารเสริมนี้เป็นเวลา 5 ปี และหากจะขอใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยาจะได้รับการอนุมัติง่ายขึ้น เนื่องจากทางสถาบันมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รับรองไว้พร้อมแล้ว
       
       สำหรับงานแนวทางการวิจัยในปี 2554 ที่จะถึงนี้ ผู้ว่าการ วว.บอกว่ายังคงเน้นทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพเหมือนที่ผ่านมา โดยตั้งใจทำงานวิจัยโดยใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อตอบสนองความจำ เป็นของชีวิต และเป็นงานวิจัยที่รองรับสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับป้องกันโรคความดัน โรคหลอดเลือดแข็งตัว เป็นต้น

Tags :

view