คมชัดลึก :ปัจจุบัน การทำสวนยางพารามีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก เนื่องจากปุ๋ยเคมีราคาแพง เกษตรกรรายย่อยไม่มีเงินทุนพอที่จะซื้อปุ๋ยใส่ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งมีผลกระทบทำให้ผลผลิตตกต่ำ รายได้ลดลง เหตุนี้ทำให้ ลุงสุริยา เพชรเกษม เกษตรกรวัย 60 ปี เจ้าของสวนยางพารา 10 ไร่ หมู่ 4 ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา เลิกใช้ปุ๋ยเคมีหันมาทำน้ำหมักชีวภาพใช้เอง ช่วยลดต้นทุนได้ดีทีเดียว
ลุงสุริยาบอกว่า ก่อนปี 2550 ใช้ปุ๋ยเคมีในสวนยางพารา แต่ด้วยต้นทุนที่สูงจึงได้หาความรู้ด้านการทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อมาใช้ทดแทน พร้อมได้ลองผิดลองถูกอยู่นานจึงได้สูตรที่ลงทุนน้อย แต่คุณภาพเทียมเท่าปุ๋ยเคมี อีกทั้งให้ผลผลิตดี อย่างปัจจุบันพื้นที่ 10 ไร่ ลงทุนน้ำหมัก 2,000 บาท ผลผลิตที่กรีดได้ 26 กิโลกรัมต่อวัน
"สูตรน้ำหมักของลุง มีกล้วยน้ำว้าสุก 1 กิโลกรัม ปลาที่หาได้ในท้องถิ่น 1 กิโลกรัม ฟักทอง 1 กิโลกรัม มะละกอสุก 1 กิโลกรัม กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม สารเร่ง พด.2 1 ซอง น้ำ 10 ลิตร ใช้เวลาหมัก 21 วัน เราจะได้หัวเชื้อจุลินทรีย์เข้มข้น 10 ลิตร ผสมน้ำใช้กับสวนยางพาราได้ 2,000 ลิตร"
ลุงสุริยา ยังบอกเคล็ดลับในการทำน้ำหมักให้ได้ผลดี ว่าควรเลือกใช้เศษผักผลไม้ที่ยังไม่เน่าเสีย สับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ภาชนะที่มีปากกว้าง เช่น ถังพลาสติก หรือโอ่ง ใส่กากน้ำตาลหรือถ้าไม่มีให้ใช้น้ำตาลแดงแทนได้ ปิดฝาไม้ต้องแน่นสนิท เพราะอาจทำให้ระเบิดได้ เนื่องจากระหว่างการหมักจะทำให้เกิดแก๊สต่างๆ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และไม่ควรเลือกพืชจำพวกส้มทำน้ำหมักชีวภาพ เพราะที่เปลือกส้มมีน้ำมันจะทำให้จุลินทรีย์ไม่ย่อยสลาย
"ทำน้ำ หมักไม่ยาก แต่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน ที่สำคัญไม่มีสูตรตายตัว เราสามารถทดลองปรับเปลี่ยนวัตถุดิบให้เหมาะสมกับต้นไม้ของเรา เพราะสภาพแวดล้อมแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกัน ต้นไม้แต่ละท้องถิ่นก็ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน น้ำหมักชีวภาพจึงต้องแตกต่างกันตามสภาพของท้องถิ่น" ลุงสุริยาบอก
ทั้งนี้ ลุงสุริยาเสริมว่า การใส่น้ำหมักชีวภาพในสวนยางพารา ใส่เดือนละ 3 ครั้ง นอกจากจะลดต้นทุนแล้ว ยังช่วยปรับปรุงดินให้มีคุณภาพดีขึ้น เหมาะสมแก่การปลูกพืช รักษาสภาพแวดล้อม ทำให้เปลือกยางพารานิ่ม กรีดง่าย แถมยังใช้น้ำหมักนี้ทาหน้ายางเพื่อรักษาโรคได้อีกด้วย
ลุงสุริยา บอกว่าไม่หวงวิชา หากใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อโดยตรงได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-2272-7987
" ยศวดี อุนันธชัย"
