จาก โพสต์ทูเดย์
กรมชลฯวอนชาวนา งดนาปรังรอบสอง เหตุน้ำต้นทุนมีน้อย ชี้การทำนาปรังรอบแรกใช้น้ำไปแล้วกว่า 27%
นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานขอให้เกษตรกรชาวนาในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยางดทำนาปรังรอบสอง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนน้อย ซึ่งจากแผนการปลูกพืชฤดูแล้งที่เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย.2553- 30 เม.ย. 54 ได้กำหนดพื้นที่ในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตชลประทานของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้า พระยาไว้รวมกันประมาณ 6.18 ล้านไร่ ประกอบด้วย ข้าวนาปรังประมาณ 5.21 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก ประมาณ 0.05 ล้านไร่ บ่อปลา-บ่อกุ้ง ประมาณ 0.35 ล้านไร่ ไม้ผล-ไม้ยืนต้น ประมาณ 0.29 ล้านไร่ อ้อย ประมาณ 0.25 ล้านไร่ และอื่นๆ ประมาณ 0.03 ล้านไร่ รวมทั้งการใช้น้ำของโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าอีกจำนวน 325 สถานี แต่ผลการจัดสรรน้ำเบื้องต้นพบว่าในการนาปรังรอบแรกตั้งแต่ปลายปีเป็นต้นมามี การใช้น้ำไปแล้วกว่า 27% จึงกังวลว่าหลังเก็บเกี่ยวหากทำนาปรังรอบสองจะเจอปัญหาเหมือนปีที่ผ่านมา
“ตัวเลขการจัดสรรน้ำในเขตชลประทานในลุ่มเจ้าพระยาล่าสุด 12 ม.ค. มีการนำน้ำไปใช้แล้ว 2,319 ล้านลูกบาศก์เมตรจากแผน 8,500 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็น 27 % ของแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้ง ในขณะที่ปริมาณน้ำต้นทุนของเขื่อนต่างๆที่ส่งมาสนับสนุนในเขตลุ่มเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย จึงของความร่วมมือจากเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้งดทำนาปรังครั้งที่ 2 เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองเพียงพอที่จะใช้สำหรับในการทำนาปี ในช่วงต้นฤดูฝนของปีนี้ และเพื่อให้การใช้น้ำที่มีอยู่เป็นไปอย่างเพียงพอไม่ขาดแคลนในปีต่อๆไป ด้วย”นายชลิตกล่าว
ทั้งนี้ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักๆ ที่ต้องส่งน้ำไปสนับสนุนการใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา อาทิ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 8,044 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 60% ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 7,163 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 75 % ของความจุอ่างฯ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 650 ล้านลบ.ม. หรือ 85% ของความจุอ่างฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 708 ล้านลบ.ม. หรือ 74% ของความจุอ่างฯ
ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด12 ม.ค. 54 ว่า มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 48,867 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 70% ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด ปริมาณน้ำน้อยกว่าปี 2553 จำนวน 1,854 ล้านลบ.ม. เป็นปริมาณน้ำที่สามารถนำมาใช้การได้จำนวนทั้งสิ้น 25,344 ล้านลบ.ม.แนวโน้มปริมาตรน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง