สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ชัยวุฒิยื้อลอยตัวราคาน้ำตาลทราย

จาก โพสต์ทูเดย์

ชัยวุฒิ ยังไม่เคาะลอยตัวราคาน้ำตาลทราย ชี้ให้ปรับปรุงทั้งระบบ ไม่ใช่ทำแต่เรื่องราคาเท่านั้น ด้านสถานการณ์ราคาน้ำตาลหลังเปิดหีบอ้อยยังอยู่ในระดับสูง 28-30 บาทต่อกิโลกรัม

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายจำเป็นต้องทำทั้งระบบ ไม่ใช้เน้นแต่เรื่องการลอยตัวราคาน้ำตาลเพียงอย่างเดียว และถ้าลอยตัวน้ำตาลในวันนี้ คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ ประชาชน เพราะน้ำตาลในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง ราคาในประเทศจะพุ่งอย่างแน่นอน ขณะที่ผู้ที่ได้ประโยชน์คือชาวไร่ และโรงงานน้ำตาล

ทั้งนี้ หากคณะทำงานศึกษาการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเสนอแนวทางการ ศึกษาให้ในวันที่ 15 ม.ค. 2554 ถ้ามีเพียงเรื่องการลอยตัวราคาน้ำตาลเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีการทำให้โครงสร้างทั้งระบบดีขึ้น ก็คงไม่จำเป็นต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาดำเนินการต่อไป

“ในตอนแรกสั่งชัดเจนให้ศึกษาทั้งระบบ และเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายทั้งชาวไร่ โรงงานน้ำตาล และประชาชน และกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจำเป็นต้องมีความพร้อมในการเข้าไปดูแลเสถียรภาพ ราคา ซึ่งอาจจะต้องมีเงินสำรองไว้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เรื่องลอยตัวราคาจึงต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่น การจัดสรรน้ำตาล ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ หรือการเปิดเสรีโรงงานน้ำตาล จำเป็นต้องศึกษาควบคู่เป็นระบบทั้งหมด ไม่ใช่เน้นแต่เรื่องราคาเพียงอย่างเดียว” นายชัยวุฒิ กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม  กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายหลังการเปิดหีบของโรงงานน้ำตาลทั้งหมด ยอมรับว่าราคาน้ำตาลทรายขายปลีกในประเทศในหลายพื้นที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง เฉลี่ย 28-30 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งทางยี่ปั๊วและซาปั๊วอ้างว่าซื้อมาจากโรงงานในราคาที่แพง โดยใครต้องการน้ำตาลทรายต้องบวกราคาเพิ่มให้อีก 3 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำตาลทรายโควตา ก (บริโภคในประเทศ) ปี 2553/2554 ที่จัดสรรไว้ 25 ล้านกระสอบถือว่ามากสุดเป็นประวัติการณ์ และได้เตรียมน้ำตาลเพื่อการขายต่อสัปดาห์ (ขึ้นงวด) กว่า 4 แสนกระสอบ แต่ราคากลับยังคงทรงตัวระดับสูง สาเหตุสำคัญคงมาจากราคาน้ำตาลทรายต่างประเทศยังคงมีราคาสูงมาก

ประกอบกับโรงงานน้ำตาลมีการจ่ายค่าอ้อยขั้นต้นให้ชาวไร่ที่เกินกว่าราคา กำหนดโดยจ่ายสูงถึง 1,200-1,300 บาทต่อตัน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่กลับขายน้ำตาลได้ในราคาหน้าโรงงาน คือน้ำตาลขาวธรรมดาและขาวบริสุทธิ์ราคา 14-15 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยฯ จำนวน 5 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อนำไปใช้หนี้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และมีกำหนดจะชำระหมดในเดือนก.พ.นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอให้นำเงินดังกล่าวไปใช้หนี้ก้อนใหม่ ที่ใช้สนับสนุนค่าอ้อยปี 2553/2554 รวม 8,000 ล้านบาท ต่อไปเลย ดังนั้นเดือนก.พ.จึงไม่สามารถจะลดการจัดเก็บเงินดังกล่าวเข้ากองทุนฯได้จน กว่าหนี้ทั้งหมดจะชำระหมดซึ่งคาดว่าจะเป็นภายในธ.ค. 2554

Tags :

view