จาก เดลินิวส์ออนไลน์
สหภาพ ยุโรป หรือ อียู (EU) ถือเป็นตลาดส่งออกสินค้าพืชผักและผลไม้ที่สำคัญของไทยอีกหนึ่งตลาด ซึ่งแต่ละปีมีมูลค่าค่อนข้างสูง โดยเฉพาะพืชผักสวนครัวเป็นที่ต้องการของร้านอาหารไทยที่กระจายอยู่ใน อียูอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยถูก อียูแจ้งเตือนเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชบ่อยครั้ง โดยปี 2552 มีสถิติการแจ้งเตือนปัญหาการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์และสารตกค้างในสินค้า พืชผักและผลไม้ที่นำเข้าจากไทย จำนวน 62 ครั้ง และปี 2553 นี้ ได้รับการแจ้งเตือนแล้ว 73 ครั้ง
ขณะเดียวกันไทยยังถูกแจ้งเตือนการตรวจพบปัญหาศัตรูพืชติดไปกับสินค้า การซุกซ่อนและการลักลอบนำเข้าสินค้า และแจ้งน้ำหนักไม่ตรงกับที่ส่งออกด้วย ทำให้ อียู ออกกฎระเบียบเงื่อนไขการนำเข้า ใหม่ พร้อมเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าสินค้าพืชจากไทย เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก หากไม่เร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว อียู อาจดำเนินมาตรการขั้นรุนแรงกับสินค้าพืชผักและผลไม้ของไทย โดยอาจพิจารณาห้ามนำเข้าสินค้าบางชนิดที่พบปัญหาสุขอนามัยพืชภายในสิ้นปีนี้
นายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาตลอด ตั้งแต่พัฒนายกระดับฟาร์มหรือแหล่งผลิตให้ได้มาตรฐานจีเอพี (GAP) พัฒนาโรงคัดบรรจุ (Packing house) ให้ได้มาตรฐาน จีเอ็มพี (GMP) รวมถึงการตรวจรับรองคุณภาพสินค้า ณ ด่านส่งออก แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้หมดไปได้ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับอียู โดยเร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการส่งออกโดยรวม หากไม่เร่งดำเนินการ อนาคตอันใกล้นี้พืชผักของไทยบางชนิดอาจถูกอียู ห้ามนำเข้า และสูญเสียตลาดส่ง ออกได้
ปัจจุบันอียูยังคงมาตรการกักสุ่ม ตรวจสารตกค้างในสินค้าพืชผัก 3 ชนิดที่ส่งออกจากไทย ได้แก่ ถั่วฝักยาว มะเขือ และพืชตระกูลกะหล่ำ ในอัตรา 50% ทั้งยังเพิ่มการกักสุ่มตรวจสารตกค้างในพืชกะเพรา โหระพา และสะระแหน่ ในอัตรา 10% และให้เพิ่มการกักสุ่มตรวจเชื้อจุลินทรีย์ Salmonella ใน พืชกะเพรา โหระพา และสะระแหน่ที่นำเข้าจากไทย ในอัตรา 10% ด้วย ซึ่งเกษตรกรผู้ผลิตและ ผู้ประกอบการที่ส่งออกพืชกลุ่มนี้ต้องเร่ง ปรับปรุงคุณภาพสินค้า อย่างเร่งด่วน
ทางกรมวิชาการเกษตรได้รับแจ้งจากสำนักงาน ที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำสหภาพ ยุโรป เรื่องปัญหาการตรวจ พบศัตรูพืชในสินค้าครอบคลุม 5 กลุ่มพืช ประกอบด้วย พืชกลุ่ม Ocimum ได้แก่ กะเพรา โหระพา แมงลัก ยี่หร่า พืชกลุ่ม Capsicum ได้แก่ พริกหยวก พริกชี้ฟ้า พืชกลุ่ม Mormordica ได้แก่ มะระจีน มะระขี้นก พืชกลุ่ม Solanum melongena คือ มะเขือ และพืช Eryngium foetidum คือ ผักชีฝรั่ง ดังนั้น กรมวิชาการเกษตรจึงได้เพิ่มมาตรการตรวจเข้ม ณ ด่านส่งออก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าพืชผักของไทยไปอียู ได้ในอนาคต
ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก และเกษตรกรต้องพัฒนาและปรับปรุงระบบการผลิตสินค้าพืชผัก และผลไม้ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยจากสารตกค้างและจุลินทรีย์ปนเปื้อน ทั้ง ยังต้องมีความซื่อสัตย์และจริงจังในการแก้ ไขปัญหา ไม่ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วน ตน นอกจากนั้นยังต้อง เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้นำเข้า เพื่อกู้ภาพลักษณ์สินค้าเกษตรไทยกลับคืนมาโดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการส่งออกสินค้าพืชไทยไปยัง อียูในระยะยาว.
