ปุ๋ยยันไม่ตรึงราคาอีก3เดือนสิ้นปีขึ้นแน่

จาก โพสต์ทูเดย์

พาณิชย์ ระบุปุ๋ยไม่ยอมตรึงราคาต่อ ขณะเอกชน 90% ยอมร่วมโครงการตรึงราคาสินค้าอีก 3 เดือน

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หารือเรื่องผลกระทบจากการขึ้นค่าจ้างที่มีต่อราคาสินค้า โดยกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างขอความร่วมมือกับเอกชนประมาณ 10% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้า เช่น ปุ๋ยเคมี ให้ร่วมโครงการตรึงราคาสินค้าต่อเนื่องไปอีก 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2554 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2553

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่ยอมเข้าร่วมให้เหตุผลเรื่องต้นทุนต่างๆ และแม้ว่าราคาสินค้าควรจะลดลงจากปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทแข็งเมื่อเทียบกับ เงินเหรียญสหรัฐ แต่ผู้ประกอบการอ้างว่าราคาควรปรับขึ้นตามเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ผู้ประกอบการอีก 90% ยอมตรึงราคา ซึ่งในวันที่ 22 ธ.ค. จะหารือกับผู้ประกอบการกลุ่มนี้เพื่อยืนยันเข้าร่วมโครงการ โดยยอมรับว่าการขึ้นค่าจ้างเฉลี่ยวันละ 10.50 บาท ส่งผลต่อต้นทุนสินค้าจริง เช่น เครื่องแบบนักเรียน มีต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงสุด 1.79 บาท

สำหรับแนวทางของกระทรวงพาณิชย์ที่มีต่อนโยบายลดค่าครองชีพของประชาชนนั้น อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการอาหารปรุงสำเร็จให้คงราคาเดิม 25 บาทต่อชามส่วนร้านอาหารธงฟ้า จำนวน 256 ร้าน ให้คงจำหน่ายในราคาเดิมที่ 20 บาทต่อชาม ส่วนร้านอาหารมิตรธงฟ้าจำหน่ายในราคา 25-30 บาทต่อชาม ปัจจุบันมีอยู่แล้ว 4,000 ร้าน ตั้งเป้าจะขยายเพิ่มเป็น 6,000 ร้านในปีหน้า

สำหรับเป้าหมายส่งออกในปีหน้า คาดว่าจะเติบโตได้อีก 10% จาก1.9แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยแนะว่าหลังจากนี้ผู้ประกอบการควรปรับตัวกับปัญหาค่าเงินบาท เช่น ปรับตัวด้านราคา หาตลาดใหม่ เพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม พาณิชย์เตรียมเสนอแนวทางช่วยเหลือทั้งด้านมาตรการภาษี และการถือครองเงินเหรียญสหรัฐ เพื่อนำเสนอให้ครม.ได้พิจารณาอีกครั้ง

ปุ๋ยบีบพณ.ขอขึ้นราคาหลังปีใหม่

จาก โพสต์ทูเดย์

ปุ๋ยเคมีเปิดศึก "พาณิชย์" บีบขอขึ้นราคาหลังปีใหม่ ชี้ต้นทุนพุ่งทำให้ผู้ประกอบการขาดทุน ขู่หากไม่อนุญาตให้ขึ้นราคา จะไม่สั่งเข้ามาจำหน่าย 

นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงงานผลิตและผู้ประกอบการปุ๋ยเคมี ไม่สามารถขายสินค้าราคาเดิมได้อีกแล้ว และจะขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งพิจารณาปรับราคาขึ้นหลังปีใหม่ เนื่องจากตอนนี้ต้นทุนผลิตปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะแม่ปุ๋ยยูเรียที่นำมาใช้ผลิตปุ๋ยเคมี ปรับขึ้นมากจากตันละ 300 กว่าเหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 407 เหรียญสหรัฐ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระขาดทุนขายปุ๋ยยูเรียถึงตันละ 3,000 บาท ขณะที่ปุ๋ยสูตรอื่นก็ขาดทุนตันละ 400-1,000 บาท

ทั้งนี้หากกระทรวงพาณิชย์ไม่อนุญาตให้ขึ้นราคา ต่อไปผู้ผลิตจะไม่กล้าสั่งแม่ปุ๋ยยูเรียเข้ามาผลิตและจำหน่าย และประเมินไตรมาสแรกปีหน้า อาจเกิดปัญหาปุ๋ยเคมีขาดตลาด จนเกษตรกรต้องเดือดร้อนได้ เพราะตอนนี้สต๊อกปุ๋ยยูเรียหลายโรงงานเริ่มหมดแล้ว ขณะที่โรงงานใหญ่ที่มีเหลืออยู่ก็น่าจะผลิตขายได้ไม่เกินไตรมาสแรก เป็นเรื่องน่าห่วง เพราะปีหน้าคาดว่าราคาผลผลิตสินค้าเกษตรปรับตัวดี หากขาดปุ๋ยอาจทำให้เกษตรกรเสียโอกาสไปได้ ซึ่งปกติโรงงานจะสั่งนำเข้าแม่ปุ๋ยยูเรียเข้ามาช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. เพื่อรอผลิตขาย แต่ในปีนี้แม้ใกล้จะหมดปี แต่โรงงานส่วนใหญ่ยังไม่กล้านำเข้าแม่ปุ๋ย เพราะราคาวัตถุดิบแพงกว่าราคาขายที่กระทรวงพาณิชย์ควบคุม

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม หรือเทสโก้ โลตัส ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงรมว.พาณิชย์ ถึงปัญหาไม่มีน้ำมันปาล์มบรรจุขวดจำหน่ายในห้าง เพราะผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดส่งสินค้าให้น้อยลง และยังส่งให้ราคาสูงถึงขวดละ 48 บาท เกินกว่าราคาควบคุมที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ที่ 38 บาท ขณะที่ห้างต้องขายเท่าราคาควบคุมทำให้ต้องประสบขาดทุนอย่างหนัก โดยนับตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหาปลายปีนี้ขาดทุนไปแล้วกว่า 40 ล้านบาท และหากสถานการณ์ยังไม่ได้รับแก้ไข ต่อไปห้างโลตัสงดจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวด

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ผลการหารือกับผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าส่วนใหญ่กว่า 90% ยืนยันให้ความร่วมมือตรึงราคาขายสินค้าออกไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2554 เพื่อช่วยดูแลค่าครองชีพแก่ผู้บริโภค ทั้งกลุ่มหมวดอาหารและเครื่องดื่ม หมวดของใช้ประจำวัน หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ หมวดวัสดุก่อสร้าง หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง หมวดปัจจัยการเกษตร และหมวดสินค้ายารักษาโรค ส่วนกลุ่มที่มีปัญหาเรื่องต้นทุน เช่น น้ำมันปาล์ม ปุ๋ยเคมี จะมีการพิจารณาให้ขึ้นราคาช่วงหลังปีใหม่ โดยขณะนี้ให้ภาคเอกชนชี้แจงข้อมูลมายังกรมการค้าภายใน เพื่อเปรียบเทียบต้นทุน ปัจจัยเสี่ยง และความเหมาะสมของการปรับขึ้นราคาอย่างละเอียด