จาก ข่าวสดออนไลน์
นาย ชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน แถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ถึงแนวทางการจัดสรรน้ำและเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปีཱ/54 ของกรมชล ประทาน ว่าปริมาณน้ำในปีི คาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 55,101 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) น้อยกว่าปริมาณน้ำปีཱ อยู่ที่จำนวน 58,057 ล้านลบ.ม. แต่เชื่อว่าจะเพียงพอสำหรับการใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ของประเทศ เบื้องต้นกรมชลฯ ได้จัดสรรน้ำที่ใช้การได้ไว้ จำนวน 20,144 ล้านลบ.ม. แบ่งเป็นน้ำสำหรับใช้ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรม 259 ล้านลบ.ม. ด้านการเกษตร 12,672 ลบ.ม. ด้านอุปโภค-บริโภค 1,882 ลบ.ม. และระบบนิเวศ และอื่นๆ 5,311 ล้านลบ.ม. สำหรับน้ำด้านการเกษตร คาดว่าจะสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตชลประทานทั้งประเทศได้ ประมาณ 13.27 ล้านไร่ แบ่งเป็นข้าวนาปรัง 8.91 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.69 ล้านไร่ บ่อปลา-บ่อกุ้ง 0.79 ล้านไร่ ไม้ผล-ไม้ยืนต้น 1.85 ล้านไร่ อ้อย 0.72 ล้านไร่ และพืชอื่นๆ 0.31 ล้านไร่
นายชลิต กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่น่าวิตกกังวลสำหรับการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร คือการใช้ปริมาณน้ำที่เกินกว่ากำหนด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เกษตรกรปลูกข้าวหลายรอบ โดยเฉพาะข้าวนาปรัง ส่งผลทำให้ปริมาณที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลในช่วงที่ผ่านมา พบว่าเกษตรกรหลายรายถูกเจ้าของที่นาบังคับให้ปลูกข้าวนาปรังทั้ง 3 รอบ เพื่อหวังประโยชน์เงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้ ซึ่งหากไม่ทำตามจะยึดคืนที่ดินมาให้เกษตรกรรายอื่นเช่าแทน
"ฤดูกาล ปลูกข้าวนาปรังปีนี้ น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันอีก เนื่องจากราคาข้าวปีหน้าคาดการณ์ว่าจะมีราคาสูง ประกอบกับผลผลิตข้าว เสียหายไปจากปัญหาน้ำท่วมจำนวนมาก เกษตรกรต้องรีบปลูกข้าวทดแทน ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น ซ้ำรอยเหมือนช่วงต้นปีที่แล้ว ในปีนี้กรมจึงประกาศขอความร่วมมือเกษตรกรให้ปลูกข้าวนาปรัง เพียงแค่ 1 รอบเท่านั้น"นายชลิตกล่าว
นายชลิต กล่าวว่า เพื่อให้การจัดสรรการใช้น้ำในระดับพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมชลฯ จะมอบหน้าที่การกำหนดจำนวนพื้นที่เพาะปลูก กับปริมาณน้ำที่ต้องใช้ ให้คณะกรรมการระดับพื้นที่ หรือที่เรียกว่า จีเอ็มซี ซึ่งมีตัวแทนทั้งในส่วนระดับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ใช้น้ำ ทำหน้าที่ควบคุมให้เป็นไปตามข้อตกลง หากพบว่าพื้นที่ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม พื้นที่นั้นอาจจะต้องถูกระงับการปล่อยน้ำให้ใช้ประโยชน์
