สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ยุคทองยางพาราคาดราคาโลกขยับขึ้นตั้งแต่ปีหน้า

จาก โพสต์ทูเดย์

คาดปีหน้าความต้องการยางพาราโลกเพิ่ม 11 ล้านตัน ส่วนราคายางพาราในไทยคาดขยับเพิ่มอีก 10%

สตีเฟน อีเวน เลขาธิการองค์การศึกษาเรื่องยางระหว่างประเทศ (IRSG) เปิดเผยถึงการคาดการณ์ความต้องการยางพาราของโลก ในการสัมมนา “ยางมีอนาคตสดใสอย่างยั่งยืนจริงหรือ” ว่า ในปีนี้ปริมาณการใช้ยางพาราอยู่ที่ 23.9 ล้านตัน เพิ่มจากปีที่แล้ว 12% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 25.5 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 6.7% โดยเป็นยางพาราธรรมชาติ 10.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 9.4% ส่วนปีหน้าคาดว่าความต้องการจะอยู่ที่ 11 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.4% ซึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนได้ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพารา ธรรมชาติของโลกเพิ่มขึ้นมาก

ขณะนี้จีนกลายเป็นประเทศผู้ใช้ยางพารามากเป็นอันดับ 2 แทนญี่ปุ่น และความต้องการใช้ยางพาราจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในอุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาห กรรมอื่น โดยปริมาณความต้องการใช้มากกว่ายุโรปและสหรัฐรวมกัน จึงคาดว่าในปีหน้าราคายางพาราโลกจะสูงขึ้นต่อเนื่อง และในปี 2563 คาดว่าความต้องการยางพาราโลกจะอยู่ที่ 31.7 ล้านตัน หรือ 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ ในปี 2563  คาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 140 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ราคายางพาราสังเคราะห์ก็จะสูงด้วย ส่งผลต่อความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติของโลกที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ได โกะ ซาอิด ดามาดจาติ เลขาธิการสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) กล่าวว่า ไทยยังเป็นประเทศที่ปลูกยางพารามากที่สุดของโลก หรือมีสัดส่วนอยู่ที่ 34.6% แต่ผลผลิตยางพาราโลกมีปัญหาอยู่ที่การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะและอายุต้น ยางพารามากขึ้น ทำให้ปริมาณยางที่ให้ลดลง  รวมทั้งสภาวะอากาศที่แปรปรวนทำให้คาดการณ์ได้ยากก็เป็นอุปสรรคเช่นกัน   ซึ่งการส่งเสริมการปลูกเพิ่มที่เริ่มให้ผลผลิตในขณะนี้ จะเข้ามาทดแทนได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น     สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่ปี 25552560 จะมีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 ล้านตัน หรือประมาณ 17% เนื่องจากพื้นที่ปลูกยางพาราใหม่เริ่มให้ผลผลิตนาย เฉิน  จิน หลง   ประธานบริษัทยาง Hangzhou Zhongoe Rubber จำกัด  อภิปรายถึงการคาดการณ์ความต้องการใช้ยางธรรมชาติในประเทศจีนว่า   ตั้งแต่ปี 2009 จีนได้กลายเป็นตลาดรถยนต์อันดับ 1 ของโลกอย่างเป็นทางการ  เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการปริมาณยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ  โดยตัวเลขการผลิตยางรถยนต์ของจีนในช่วง 8  เดือนแรกของปี  2010 ได้มีการผลิตประมาณ  203 ล้านเส้น  เพิ่มขึ้น 23% ของปีที่ผ่านมา   โดยเป็นยางเสริมใย(ยางเรเดียล) 107 ล้านเส้น เพิ่มขึ้นจากปี  ที่แล้ว  27%   ตัวเลขการส่งออกยางรถยนต์อยู่ที่  3.39 ล้านล้านหยวน   เพิ่มขึ้น  37.4% 

“แต่จากราคายางพาราที่สูงขึ้นแม้ว่าจะผลิตหรือขายของได้มากขึ้นแต่กำไร ไม่มากทำให้ ขณะนี้อุตสาหกรรมยางรถยนต์ที่ใช้ยางสังเคราะห์ในจีนเพิ่มขึ้นมากซึ่งหากเป็น ไปได้ องค์การยางระหว่างประเทศควรจะเข้ามาช่วยดูแลว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ราคา ยางพาราไม่สูงมากจนเป็นอุปสรรคจนบริษัทผลิตยางรถยนต์ต้องหันไปใช้วัสดุ อื่น”  นายเฉินกล่าว

นายหลักชัย   กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทยกล่าวถึงสถานการณ์ยางไทย ปัจจุบันและอนาคตว่า     ไทยสามารถผลิตยางพาราได้เป็นอันดับ 1 ของโลกโดยมีผลผลิตอยู่ที่   3 ล้านตัน อันดับสองคืออินโดนีเซียอยู่ที่  2.5 ล้านตัน    ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติของโลกตั้งแต่ปี  4852 มีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี   ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจของจีนในเรื่องเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยหลักต่อความต้องการใช้ ยางธรรมชาติ  เพราะฉะนั้นในปี 54 อาจจะเกิดความผันผวนในส่วนนี้ได้   อย่างไรก็ตามในปี 54 คาดว่าราคายางพาราของไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10%     เพราะฉะนั้นเห็นว่ายางพารายังเป็นพืชที่มีอนาคต  ซึ่งในกรณีของบริษัทได้ลดความเสี่ยงในเรื่องผลผลิตโดยไปปลูกยางในประเทศลาว ประมาณ 2 แสนไร่

“ซึ่งจากการที่ไทยเป็นประเทศที่ผลิตรายใหญ่ทำให้ขณะนี้หลายประเทศสนใจ เข้ามาติดต่อและเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้รับซื้อยางของไทยมากขึ้นและมีการ ติดต่อที่จะร่วมทุนทำธุรกิจผลิตสินค้าที่ทำจากยางพารามากกขึ้น โดยในการจัดงานครั้งได้มีการเจรจาธุรกิจและลงนามในข้อตกลงซื้อขายยางพารา ร่วมกันเบื้องต้น 9 คู่ ธุรกิจมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 1.7 แสนล้านบาท  “  นายหลักชัยกล่าว

Tags :

view