สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ทุนต่างชาติย้ายผลิตยางในไทย

จาก โพสต์ทูเดย์

ทุนจีนย้ายผลิตยางมาไทย ร่วมไทยฮั้วฯ ตั้งโรงงานผลิตยางรถยนต์ 5,000 ล้าน หลังค่าธรรมเนียมส่งออกยางเรียกเก็บสูง

นายกฯย้ำจะพัฒนา การปลูกยางให้เป็นอาชีพที่มั่นคงของเกษตรกร ผลจากเก็บเงินเซสเพิ่ม ผู้ประกอบการจีนจับมือไทยฮั้วลงทุนเบื้องต้นกว่า 5 พันล้านตั้งโรงงานผลิตยางรถยนต์ นายกฯส.ส่งออกยางไทย เผยหากการเมืองไทยนิ่งแห่ลงทุนเมืองไทยเพียบมูลค่าส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ จะพุ่งเกือบ 1 ล้านล้านบาทไม่เกิน 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า

นายหลักชัย กิตติพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา และนายกสมาคมยางพาราไทย ซึ่งบริษัทเป็นหนึ่งในคู่เจรจาธุรกิจการซื้อขายยางพาราในงานนี้กล่าวเปิดเผย ว่า บริษัทได้ร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตล้อยางรถยนต์กับ Mr.Shen Jin Rong ประธานบริษัท Hangzhou Zhongoe Rubber ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ลำดับต้นๆ ของประเทศจีน โดยมูลค่าลงทุนร่วมกันเบื้องต้นประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อผลิตล้อยางรถยนต์ที่ จ.ระยอง

ทั้งนี้ บริษัท ไทยฮั้วฯ ลงทุนประมาณ 15% เบื้องต้นวางเป้าหมายผลิตประมาณ 10 ล้านเส้นต่อปี เพื่อส่งไปยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตามด้วยตลาดอาเซียน และจะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นหากแนวโน้มการลงทุนไปได้ดี คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ประมาณปี 2555 ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเป็นผลมาจากความสำเร็จของยางบริดจสโตน ยางกู๊ดเยียร์ ที่มาลงทุนในไทย และประสบความสำเร็จอย่างมาก

นอกจากนี้ เป็นผลจากไทยเก็บเงินค่าธรรมเนียมการส่งออกยาง (เงินเซส) เพิ่มเป็น 5 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อยางราคาสูงกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ผู้ประกอบการทั้งในประเทศจีน ยุโรป ให้ความสนใจที่จะมาร่วมลงทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพาราในไทยเพื่อลดต้น ทุนดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งความสำเร็จในการลงนามร่วมทุนครั้งนี้ เป็นผลจากนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม ไปเจรจาเชิญชวน แต่ทางบริษัท หังโจว ยังรีรอ เพราะช่วงปีที่ผ่านมาการเมืองไม่นิ่ง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายจึงมีการสานงานต่อจนมาสู่การร่วมลงทุน นำมาสู่วันนี้ ซึ่งหาการเมืองนิ่งก็คาดว่าจะทำให้มีหลายประเทศสนใจมาลงทุนในประเทศไทย

“ขณะนี้มีหลายประเทศติดต่อมาที่บริษัท ไทยฮั้วฯ มีทั้งโรงงานผลิตถุงมือยาง และผลิตภัณฑ์จากยางพาราในประเทศยุโรป ซึ่งหากการเมืองนิ่งทำให้บรรยากาศน่าลงทุน ก็จะมีเอกชนมาลงทุนกันเพิ่มขึ้น และเชื่อว่ามูลค่าส่งออกยางพาราของไทยปีนี้อยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาทจะเพิ่มได้ถึง 1 ล้านล้านบาทได้ใน510 ปี”ข้างหน้าซึ่งเป็นรายได้ของประเทศล้วนๆไม่ต้องไปหักการนำเข้าวัตถุดิบ เหมือนการส่งออกประเภทอื่น นายหลักชัย กล่าว

นายหลักชัยกล่าวด้วยว่า จากความร่วมทุนระหว่างไทยฮั้วกับ บริษัทหังโจวฯ นั้นถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้บริษัทคาดว่า มูลค่าการส่งออกยางของบริษัทจะอยู่ที่ ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 52 ประมาณ 50% ที่ทำได้ 1.6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น และในปี 54 บริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถส่งออกยางได้เพิ่มเป็น 45 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยางในโครงการ 1 ล้านไร่เริ่มมีการเปิดกรีด โดยบริษัทได้ไปตั้งโรงงานผลิตยางแท่งที่จ.บุรีรัมย์ และยโสธร 2 แห่ง และจะเปิดที่พิษณุโลกอีก 1 แห่ง เพื่รรองรับผลผลิตดังกล่าว

สำหรับยอดการส่งออกยางพาราของไทยในปีนี้นั้นคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.2 – 3.3 ล้านตัน มูลค่าการส่งออกประมาร 2.3 แสนล้านบาท แต่หากรวมผลินภัณฑ์จากยางพาราแล้วมีมูลค่าการส่งออกรวม 4 แสนล้านบาท

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดงานกึ่งทศวรรษ สกย. ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า ไทยเป็นประเทศที่ปลูกยางพาราอันดับ 1 ของโลก ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 4 แสนล้านบาท รัฐบาลมุ่งพัฒนาให้อาชีพปลูกยางพารามีความยั่งยืน จึงผลักดันร่าง พ.ร.บ.สภาการยางแห่งประเทศไทย ให้ผ่านสภาเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อรวมหน่วยงานเกี่ยวกับยางพารามาเป็นหน่วยงานเดียวร่วมทั้งการผลักดันให้ เกษตรกรร่วมตัวกันจัดตั้งสหกรณ์กองทุนรวมยาง เพื่อรับซื้อยาง เพื่อรับซื้อยางในท้องถิ่น ลดปัญหาค่าใช้จ่ายในการนำยางออกขายนอกพื้นที่และส่งเสริมความเข้มแข็งของ ชุมชน

Tags :

view