จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ปภ.สรุปเริ่ม คลี่คลาย11จังหวัด ภาคเกษตรจม3,468,204ไร่ เดือดร้อน1,091,515คน เสียชีวิต47 อุบลฯอพยพหนีน้ำชี-มูล อยุธยายังหนัก แจกสุขาฉุกเฉิน
วันนี้( 27 ต.ค.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) รายงานสถานสถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 10 -27 ตุลาคม 2553 ประจำวันที่ 27 ตุลาคม มีพื้นที่ประสบภัยรวม 36 จังหวัด 289 อำเภอ 2,059 ตำบล 16,299 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,091,515 ครัวเรือน จำนวน 3,224,108 คน
ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 11 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร เพชรบูรณ์ ระยอง จันทบุรี ตราด ตาก ชลบุรี ลำพูน เชียงใหม่ สระแก้ว และนครนายก ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 25 จังหวัด 232 อำเภอ 1,762 ตำบล 14,341 หมู่บ้าน 941,889 ครัวเรือน จำนวน 2,759,354 คน แบ่งเป็น ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร และอุทัยธานี
ส่วนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และอุบลราชธานี
ภาคกลาง 10 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสมุทรปราการ
พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 3,468,204 ไร่ ผู้เสียชีวิต 47 ราย ทั้งนี้ ผู้ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
อุบลราชธานี อพยพคนหนีน้ำชี - น้ำมูลทะลัก
นายสุรพล สายพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมล่า สุด ระดับน้ำเช้าวันนี้( 27 ต.ค.) ลดลง 5 ซ.ม. แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง เนื่องจากคาดการณ์มวลน้ำจะไหลมาตามลำน้ำมูลลงมาวันนี้ โดยเบื้องต้นสั่งอพยพประชาชน 2,400 คน ในอำเภอเขื่องใน, เทศบาลนครอุบลราชธานี, เทศบาลเมืองวารินชำราบ, สว่างวีระวงศ์ และพิบูลมังสาหาร
พร้อมสั่งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดอุบลราชธานี เสริมพนังกั้นลำน้ำมูลสูงเพิ่มอีก 50 ซ.ม. ที่ห้วยม่วง และห้วยวังนอง และจากการบินตรวจน้ำท่วม พื้นที่ลุ่ม ไม่ใช่ที่นาของราษฎรจำนวนมากนัก ซึ่งขณะนี้ได้อพยพชาวบ้านในริมแม่น้ำชี แม่น้ำมูล ซึ่งจะไหลมาสมทบกันที่อุบลราชธานีแล้ว
กรุงเก่ายังหนักเร่งเสริมคันรับน้ำเหนือ
นาย วิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรีได้ลดน้อยลงแล้ว ขึ้นเพียง 3-5 ซ.ม. ภายหลังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระบายน้ำลดลงจาก 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือ 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ทางจังหวัดยังเฝ้าระวังทุกจุด เพราะน้ำทางภาคเหนือยังไหลมาที่อยุธยาอยู่ โดยเฉพาะลุ่มน้ำน้อย และลุ่มน้ำเจ้าพะระยาน้ำยังขึ้นสูงอยู่ 10 ซ.ม.เศษ
นอกจากนี้ จังหวัดอยุธยาได้ทำคันกั้นเพิ่มขึ้นที่ตั้งไว้ 50 ซ.ม.แล้วเพื่อรองรับน้ำท่วมเหนือ ที่จะมาอีก 2 วัน ซึ่งจังหวัดจะยังไม่ประมาท ทั้งนี้ จังหวัดดีประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 16 อำเภอ แต่แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดได้บล็อกน้ำไว้ทั้งหมดแล้ว ยังสามารถมาท่องเที่ยวได้
"จากนี้เชื่อว่าน้ำจะอยู่ที่อยุธยาเกิน 30 วัน โดยจังหวัดได้จัดกำลังให้อำเภอปรับแผน ในจุดที่รับประชาชน ให้พอกับจำนวนคนจะย้ายที่อยู่ และจัดเรื่องระบบเรื่องน้ำดื่ม เรื่องห้องสุขา เรื่องเรือให้เป็นระบบมากขึ้น เช่นมีเรือประจำซอย เรือประจำครอบครัว ห้องน้ำประจำชุมชน แต่สิ่งที่ห่วงมากที่สุดคือ ห้องน้ำที่ไม่มีระบบที่ดีจนอาจมีโรคตามมาและน้ำจะเสียได้ หากชาวบ้านถ่ายลงในน้ำ น้ำก็จะท่วมขังและเน่าเร็วกว่าปกติ ดังนั้นจังหวัดจึงต้องจัดระบบตรงนี้ให้เร็วที่สุด" ผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา กล่าว
