สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ในหลวงทรงห่วงน้ำท่วมอุบลฯ

จาก โพสต์ทูเดย์

“รอยล”เผย ในหลวง ทรงรับสั่งให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์เตรียมมาตรการรับมือน้ำท่วมใหญ่อุบลฯ หลังน้ำจากลำน้ำชี-มูล-ปาวไหลมารวมกันทำให้เกิดน้ำท่วมหนักกว่ากรุงเทพฯ- โคราช

นายรอยล จิตรดอน ผอ.สำนักงานสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับสั่งผ่าน นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จลงมาทอดพระเนตรปริมาณน้ำที่ท่าน้ำโรงพยาบาล ศิริราช ในวันปิยมหาราช ที่ผ่านมา โดยพระองค์รับสั่งให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เร่งออกไปหามาตรการเตรียมรับมือน้ำท่วมใหญ่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจะหนักกว่ากรุงเทพฯเพราะปริมาณน้ำจากลำน้ำชี ลำน้ำมูล ลำน้ำปาว จะไหลมาสมทบเข้าท่วมจังหวัดอุบลราชธานีและอีสานตอนบน จะทำให้น้ำท่วมหนักว่าโคราชและกรุงเทพฯ

เหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้เกิดเพราะฝนมากและตกผิดที่ผิดเวลา พร้อมกับตกลงมาพร้อมกันทั้งเหนือเขื่อน ท้ายเขื่อนและในทุกพื้นที่ที่เคยเป็นที่รับน้ำหรือแก้มลิง ก็มีปริมาณน้ำฝนตกค้างในพื้นที่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้การระบายน้ำทำได้ยากลำบากกว่าทุกปีที่เกิดอุทกภัยแม้ว่าปริมาณน้ำจะ ไม่มากเท่ากับปี 2549

นอกจากนี้ การสั่งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของรัฐบาล ยังทำได้ไม่เต็มที่ในระดับนโยบาย การสั่งงานเป็นไปแบบกระจัดกระจายไม่มีการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ใดอย่างชัดเจน  ทำให้การเกิดภัยพิบัติขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการสั่งการลงไปในระดับท้องถิ่นที่ยังมีปัญหาความต่อเนื่องของข้อมูล จากต้นสังกัด

“จะเห็นได้จากการกู้น้ำออกจากโรงพยาบาลมหาราช  จ.นครราชสีมา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานแนะแนวทางเพราะพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเห็นว่าโรงพยาบาล เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญนี้ โดยแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงรับสั่งว่าทุกหน่วยงาน ต้องมีหลักคิดตรงกันก่อนจะทำให้ผลออกมาได้ตรงส่วนสำคัญมากที่สุด ทรงตรัสไว้ในการช่วยบรรเทาอุทกภัยปี49"นายรอยลกล่าว

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรจะตั้งทีมเฉพาะกิจระดับชาติที่มีทุกหน่วยงานมาบูรณาการเรื่องการตั้งรับ และระบายน้ำออกจาพื้นที่หลักให้ทันท่วงทีมากขึ้น เพราะปริมาณน้ำจำนวนมาก ต้องมีเจ้าภาพหลักในการสั่งการตลอดเวลา

สำหรับสถานการณ์น้ำเหนือที่ไหลผ่านกรุงเทพฯมาสมทบกับน้ำทะเลหนุนสูงสุดใน วันที่ 27 ตุลาคมนี้ได้รับการประสานจากกรมชลประทาน ซึ่งได้ตัดสินใจตัดยอดน้ำโดยอาศัยช่วงที่ไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมการลดการ ระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และแบ่งน้ำออกไปกระจายเข้าฝั่งเจ้าพระยาทั้งทุ่งเจ้าพระยาตะวันออกและตะวัน ตก

การตัดยอดน้ำดังกล่าวจะทำให้มีปริมาณน้ำมาถึงบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ในระดับ 3,200-3,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมาสมทบกับช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุดวัดที่กรุงเทพฯ จะทำให้น้ำยกตัวสูงขึ้นอีก 1.20 เมตร จะไม่ทำให้ระดับน้ำเลยคันกั้นน้ำของ กทม. ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี มียอดน้ำลดระดับลงไปด้วย

"หากไม่หยุดน้ำเหนือไว้จะทำให้จังหวัดสองฝั่งเจ้าพระยา จมเป็นเมืองบาดาลทุกจังหวัด เพราะปริมาณน้ำเหนือในระดับหลายพันล้านลูกบาศก์เมตร มาผนวกกับปริมาณน้ำฝนจำนวนมากที่ค้างอยู่ในทุ่งต่างๆ และได้รับอธิพลจากน้ำทะเลหนุนสูงสุดจะยิ่งทำให้ปริมาณน้ำยกระดับตัวสูงขึ้น บางพื้นที่จากระดับน้ำปกติ 5-6 เมตร"นายรอยลกล่าว

อย่างไรก็ตามขอให้เตรียมพื้นที่ไว้รองรับน้ำฝนที่อาจจะตกมาสมทบกันในช่วง น้ำทะเลหนุนสูงด้วยหากไม่เตรียมมาตรการไว้ล่วงหน้าเพื่อรับฝนเพราะยังมีอธิ พลร่องความกดอากาศต่ำเข้ามาทางฝั่งทะเลอันดามันและแปซิฟิกที่เป็นสถานการณ์ ที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ขณะนี้ที่วิกฤตหนักแล้วให้มากขึ้น อีกเพราะปริมาณน้ำฝนอาจจะมากเกินความคาดหมายอีก ที่ส่งผลจะทำให้การคำนวนยอดน้ำที่จะไหลผ่านกรุงเทพฯและเปลี่ยนแปลง รวมทั้งอธิพลน้ำทะเลหนุนสูงในวันที่ 8-9 พ.ย.อีกรอบซึ่งหนุนในระดับสูงสุดเกือบ 2 เมตร ที่ต้องจับตาสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป

Tags :

view