สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

7 วิธีบอกลาปัญหาหน้าแห้ง (เหี่ยว)

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ Beauty Station โดย ซอนย่า ซี

เมื่อย่างเข้าสู่หน้าหนาว สาวๆ หลายคนอาจมีปัญหาสุขภาพผิว เช่น อาการคัน หน้าแห้ง เป็นขุย ขาดความชุ่มชื้น ยิ่งใครที่อายุขึ้นเลข 3 แล้วแม้ไม่ใช่หน้าหนาว ผิว (สาว) ก็ยังขาดความสดชื่น แห้งเหี่ยว จนอาจทำให้แลดูแก่ก่อนวัยได้อีก แบบนี้ ยังรีบอัพสุขภาพใบหน้าให้มีออร่า ก่อนที่ปัญหาจะตามมาจนยากที่จะแก้ไขนะคะ

จริงๆ แล้วผิวที่มีสุขภาพดีไม่ใช่การมีผิวขาวอย่างที่เข้าใจกัน แต่หมายถึง การมีใบหน้าที่เรียบเนียน สดใส เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ว่าเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น แต่หากยิ้มทีไรกลับพบแต่ริ้วรอย ตีนกา ใบหน้าแห้งเหี่ยว เป็นขุย ลอก และมีอาการคัน แบบนี้ แสดงว่า ผิวขาดดุลยภาพ หรือขาดความสมดุล ซึ่งอาจมีปัญหาจากหลายสาเหตุ

อย่างแรกก็คือเรื่องของกรรมพันธุ์ ซึ่งโทษใครไม่ได้นะคะนอกจากผู้ให้กำเนิด (แรงส์) ที่ทำให้คุณลูกอาจมีโรคที่ทำให้ผิวแห้ง เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) สะเก็ดเงิน (Psoriasis) ทางเดียวที่แก้ได้คือการปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี

ต่อมาคืออายุที่เพิ่มขึ้น อย่างที่เดี๊ยนบอกไปในตอนแรก อายุมากขึ้นอะไรๆ มันก็เริ่มจะเสื่อมสภาพ เป็นต้นว่าผิวบางลง เซลล์ผิวไม่ชุ่มชื้นเพราะกักเก็บน้ำได้น้อยลง ต่อมไขมันสร้างไขมันน้อยลง ถ้าสังเกตให้ดีเราจะเห็นว่าคนที่อายุมากเท่าไหร่ ผิวก็ยิ่งบางลงเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยตามมานั่นเอง ปัจจัยนี้เราก็ต้องหาทางแก้ไขนะคะ

และสุดท้ายคือ เรื่องของสภาพแวดล้อม อย่างที่บอกไว้ ทั้งหน้าร้อน หน้าหนาว นี่แหละที่ทำให้ผิวเราแย่ ถึงแย่ที่สุด เพราะเมื่อสภาพแวดล้อมที่ร้อน หรือหนาว ความชื้นในอากาศก็จะน้อยลง เป็นผลให้ผิวของเราสูญเสียน้ำ ทำให้หน้าตึง ลอก และสุดท้ายริ้วรอยก็ถามหา นอกจากนี้ เครื่องสำอางและสารเคมีที่คุณใช้ก็มีส่วนทำให้ใบหน้าแห้งกร้านได้เช่นกัน เนื่องจากผิวถูกรบกวน

แต่ทุกปัญหามีทางออก ลองไปดูว่า คุณจะกำจัดจุดอ่อนแห่งปัญหาหน้าแห้งเหี่ยวได้อย่างไร

1) หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะอากาศแห้ง เช่น ในห้องแอร์ เมื่อรู้ว่าอากาศแห้งมาก ถ้าเป็นไปได้ต้องหลีกเลี่ยง การตากแดด หรือทำงานกลางแจ้ง การสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด หรือการรบกวนผิวในแบบต่างๆ หากคุณแพ้ง่ายก็ต้องหลีกเลี่ยงหรืองด เช่น ซาวน่า การขัดผิว ลอกผิว เป็นต้น สิ่งสำคัญต้องรู้จักสังเกตตัวคุณเอง

2) ดื่มน้ำให้เพียงพอ ในร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 65-70% ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ไม่เช่นนั้นความชุ่มชื้นของเซลล์ผิวจะเสียไป อย่างไรก็ตามน้ำในที่นี้คือน้ำเปล่า ไม่ได้เหมารวมเอาชา กาแฟ น้ำหวาน น้ำอัดลม ไปด้วย เพราะอย่าลืมว่า น้ำเหล่านั้นอาจทำให้ผิวกลับแย่ลงได้ เช่น ชา กาแฟ ประกอบด้วยสารที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ส่งผลต่อระบบสมดุลในร่างกาย น้ำอัดลม ส่งผลต่อการจัดสมดุลของน้ำในเซลล์ เป็นต้น

3) เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
หากคุณเป็นคนมีใบหน้าแห้งกร้าน มีริ้วรอย การใช้ครีมหรือมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ น่าจะเป็นอีกทางออกหนึ่ง การทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำจะเพื่อช่วยให้เชลล์ผิวคงดุลภาพที่ดีได้ ทั้งมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น โดยการดึงน้ำจากอากาศไว้ที่ผิวหนัง (Humectant) ซึ่งจะมีสารกลีเซอรีน ซอร์บิทอล มอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเคลือบผิว ป้องกันการระเหยของน้ำ (occlusive) จะมีสารพวกปิโตรลาทัม ลาโนลิน และมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยการลอกหลุดของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวนุ่มเนียน (Emollient) มีส่วนผสมของมิเนอรัลออยล์ โจโจ้บาออยล์ เหล่านี้ คุณต้องเลือกเองอย่างเหมาะสม


4) ทานอาหารเสริมบำรุงผิว ผิวพรรณจะสดใส การดูแลตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงผิวพรรณในรูปแบบต่างๆ เช่น วิตามินอี ที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยยืดอายุเซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้น วิตามินซี เสริมระบบภูมิคุ้มกัน เร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ๆ กรดไขมันจำเป็น ที่สำคัญต่อการสร้างฮอร์โมน รู้จักกันดีในชื่อโอเมกา หรือจะเป็นแกมม่า ไลโนเลนิค เช่น น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส/ Evening Primrose Oil กรดไขมันที่จำเป็นที่ช่วยลดอาการผิวแห้งและผิวอักเสบ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ซึ่งมีอยู่ในอาหารที่เราสามารถทานได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปอาหารเสริมเพียงอย่างเดียว

5) อาหารธรรมชาติชะลอเซลล์
แนวทางหนึ่งของการบอกลาปัญหาผิว คือการทานอาหารตามธรรมชาติที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระที่มาจากธรรมชาตินั้นได้แก่ วิตามินและแร่ธาตุซึ่งได้จากอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป หรืออาหารที่ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด ดังนั้น หากพบอาหารที่จำไม่ได้เลยว่าผลิตมาจากอะไรให้หลีกเลี่ยง ทานอาหารให้หลากหลาย และอาหารที่ไม่มีสารปนเปื้อน เช่น ผักผลไม้ที่หลากหลายจากธรรมชาติ และในท้องถิ่นจะมีคุณค่าสูงและอุดมด้วยสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์


6) ล้างหน้าอย่างถูกวิธี
การล้างหน้าบ่อยไม่ใช่การทำให้หน้าสะอาด ในทางกลับกันการล้างหน้าบ่อย จะเป็นการชะล้างไขมันที่ช่วยเคลือบผิวเกินความจำเป็น นอกจากนี้ ยังควรเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพราะจะทำให้หน้าขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย และหากคุณเป็นคนผิวแห้งมากควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ เพราะอาจทำให้ผิวแห้ง และอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย


7) ใช้ตัวช่วย เทคโนโลยีและนวัตกรรมในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก แนวทางแก้ปัญหาผิวพรรณจึงสามารถแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การตรรวจวิเคราะห์ปัญหาสภาพผิวที่แห้งกร้านเพื่อหาทางออก การใช้เลเซอร์ หรือเทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นเซลล์หรือบำรุงผิวหน้า การทรีตเม้นต์เพื่อความชุ่มชื้น การผลักวิตามินสู่ผิว การมาร์คหน้า เป็นต้น วิธีการเหล่านี้อาจเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือใช้ร่วมกันก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีการฉีดสารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์) การร้อยไหมยกกระชับใบหน้า การฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้ร้อยรอยต่างๆ หายไป แต่วิธีนี้ขอเตือนหนุ่มๆ สาวๆ ว่า ต้องศึกษาหาข้อมูลและเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลที่ไว้ใจได้เท่านั้น

แนวทางสำคัญ คงไม่ใช่ว่าวิธีใดวิธีหนึ่งจะสามารถกำจัดจุดอ่อนของปัญหาผิวได้ แต่จะต้องใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสม รวมทั้งต้องดูเงินในกระเป๋าของคุณด้วยนะคะ



ที่มา : หน้าพิเศษ Hospital Healthcare นสพ.มติชน


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : 7 วิธีบอกลา ปัญหาหน้าแห้ง (เหี่ยว)

view