จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

คอลัมน์ Pawoot.com โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ปัจจุบันการสื่อสาร การเข้าถึงลูกค้าผ่าน Social Media กลายเป็นช่องทางที่ธุรกิจปฏิเสธไม่ได้แล้ว ดังนั้นการวางแผนการตลาดผ่านทางโซเชียลมีเดีย จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ และต้องมี แต่วางแผน และทำการตลาดแบบฉาบฉวย หรือผิดวิธี

วันนี้ลองมาดูขั้นตอนที่คุณควรเตรียมตัวก่อนทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียให้เกิดประสิทธิภาพที่สุดกันดีกว่าครับ

1.สร้างฐานลูกค้า(MemberBase) ในโซเชียลมีเดีย และเลือกให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย (Rigth Target) มากที่สุด โดยเทคนิคการสร้างจำนวนให้คนเข้ามาติดตามคุณในโซเชียลมีเดียมีหลายวิธีมากมาย แต่สิ่งที่ไม่แนะนำคือ การไปซื้อ Like โดยเด็ดขาด ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้ตัวเลขคนกด Like, คนดู (View) มันสร้างได้ไม่ยากแล้ว ตั้งแต่มีทีมรับปั่น Like หรือไปจนถึงลงโฆษณาให้

ดังนั้นไม่ได้หมายถึงลูกค้าจะซื้อหรือชื่นชอบคุณนะครับ คุณต้องสร้างความสัมพันธ์ และความผูกพัน อ่านดูที่นี่ว่า เราจะสร้างให้ลูกค้าผูกพันกับเราได้ยังไง http://www.pawoot.com/customer-engagement

2. การสร้างความสัมพันธ์ และความผูกพัน (Relationship & Engagement) กับลูกค้าโดยการพูดคุยสื่อสารกับคนที่เข้ามาหาเรา ไม่จำเป็นต้องรอเขามีปัญหา เราสามารถทักทาย สอบถาม ลูกค้าเหมือนเพื่อนทักเพื่อน เช่น "คุณสมชายครับ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ? สินค้าที่ใช้ไปใช้ได้ดีไหมครับ ? หรือตอนนี้มีหนังเรื่องนี้สนุกมาก ๆ หากมีโอกาสลองไปชมดูนะ" เพราะความสัมพันธ์มันจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการสื่อสารแบบ 1 ต่อ 1 เค้าจะรู้สึกว่าเค้าเป็นเพื่อนกับคุณทันที และเมื่อเค้ามีปัญหา หรือจะซื้อสินค้าใหม่ เค้าจะนึกถึงคุณทันที

3. สร้างเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม (Content Marketing) ในปัจจุบัน Facebook ได้ลดค่าการเข้าถึงลูกค้า (Reach) เมื่อคุณโพสต์อะไรลงไปใน Facebook Page ของคุณแล้ว ดังนั้นหากคุณโพสต์อะไรไปปกติ โอกาสแค่ 1-3% ของคุณเท่านั้นที่จะมีโอกาสเห็นข้อความเหล่านั้น (ลองนึกดูหากมีคนกด Like facebook page 10,000 คน คุณโพสต์ไปครั้งเดียว จะมีคนเห็นแค่ 1-300 คนเท่านั้น

ในการทำเนื้อหา (Content) ที่จะไปโพสต์ลงไปให้เจ๋ง น่าสนใจมากที่สุด ที่จะทำให้คนกด Like หรือ Share เนื้อหาของคุณออกไป จะเป็นตัวทำให้เกิดการกระจายตัว และเข้าถึงจำนวนคนได้อย่างรวดเร็วและมากที่สุด ดังนั้นจงใส่ใจต่อเนื้อหาที่เราจะโพสต์ คิดให้สร้างสรรค์ ? คิดว่าลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเราจะสนใจข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้นไหม ?

4. เป้าหมาย (Target & KPI) เพราะจำนวน Like หรือตัวเลขต่าง ๆ เป็นเพียงมายา คุณต้องกลับมาตอบโจทย์คุณให้ได้ว่า สิ่งที่คุณต้องการและเป้าหมายจริง ๆ ของคุณคืออะไรถึงต้องมาทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่วนใหญ่ ได้แก่ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับยอดขายโดยตรง เช่น ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น (Sale), จำนวนคนที่เดินไปที่หน้าร้านค้ามากขึ้น (Traffic), รายชื่อลูกค้าที่จะติดต่อกลับไปในภายหลัง (Leads) หรือเป็นการสร้างการรับรู้ (Awareness) ทำให้คนจดจำแบรนด์สินค้าของคุณ คุ้นเคย รู้จัก และสามารถต่อเนื่องไปยัง "การซื้อ" ได้หลังจากนั้น

ไม่ใช่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งหน้า เพิ่มจำนวน Like หรือ คนดู (View)

5. ฟังและวัดผล (Listening & Measurement) คุณสามารถแอบฟังว่าลูกค้าหรือคนที่อาจเป็นลูกค้า เขาพูดถึงสินค้าของคุณ หรือสินค้าประเภทเดียวกับคุณในโลกออนไลน์ยังไงบ้าง เช่น กำลังสนใจหรือหาสินค้าประเภทนี้อยู่, มีปัญหาการใช้งาน (ปัญหาของสินค้าคุณหรือสินค้าของคุณแข่ง) เมื่อคุณเจอณก็เข้าไปช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยการ "ฟัง" ? ทางโซเชียลมีเดียหรือออนไลน์ ก็สามารถใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ZocialEye.com ที่สามารถติดตามว่ามีใครพูดถึงสินค้าคุณ คู่แข่งของคุณได้ทันที หรือการวัดผลซึ่งเดียวนี้ Social Me-dia ต่างๆ ก็มีเครื่องมือหรือตัวเลขออกมาให้เราเห็นอะไรที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น Facebook ก็มี Facebook Insight ที่แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของการสื่อสารของใน Facebook ได้ดีเลยทีเดียว

6. ปรับปรุงให้ดีขึ้น (Optimize) หลังจากพูดคุยกับลูกค้าไปแล้ว ติดตามว่าการสื่อสาร เนื้อหา ของเราในโซเชียลมีเดียเป็นยังไงบ้าง หรือสอบถามพูดคุยกับลูกค้า ฟัง แล้วนำทุกอย่างมาปรับปรุงให้การสื่อสารดีขึ้น สิ่งเหล่านี้สำคัญมาก ๆ ที่จะต้องวัดผล โดยเฉพาะกลับมาดูว่าสิ่งที่ทำลงไปในโลกออนไลน์ สร้างมูลค่าบวกให้กับธุรกิจหรือไม่ หรือไปตอบโจทย์ และเป้าหมาย (Target & KPI) ที่คุณตั้งไว้หรือไม่

เมื่อสรุปทั้งหมดแล้วจะเป็นแบบนี้ครับ

วางเป้าหมาย KPI > สร้างฐานลูกค้า > สร้างเนื้อหาที่ดี > สร้างความสัมพันธ์ > ฟัง > ปรับปรุง

ลองกลับมาดูตนเองว่าธุรกิจของคุณที่ใช้ Social Media มีครบทุกข้อแล้วหรือยัง หากครบแล้ว จะเห็นว่าการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจของคุณได้ไม่ยากเลย

ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต