จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ PAWOOT.COM โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
โฆษณาหรือการตลาดที่คุณได้ทำไป คุณรู้มั้ยว่ามี คนเห็นกี่คน และคนเหล่านั้นเป็นใครบ้าง คุ้มค่าหรือเปล่า ยกตัวอย่าง เช่น ลงโฆษณาทีวีไปแล้วมีคนเห็นกี่คน ?
โฆษณาที่ลงไปในวิทยุมีคนฟังกี่คน ? หรือมีคนมาซื้อสินค้าคุณเพิ่มมากขึ้น
เค้ามาจากสื่อไหนกันแน่ ?
คำตอบเหล่านี้ตอบได้ยากมาก เพราะในกิจกรรมการตลาดที่ทำหลาย ๆ ท่านทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีเครื่องมือวัดผลได้อย่างแม่นยำเท่าที่ควร ทำให้เราไม่สามารถวัดผลสำเร็จ ความคุ้มค่าของแต่ละกิจกรรมการตลาดที่ทำไปได้เลย
เมื่อเรามาดูการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เข้าถึงกลุ่มคนได้แทบจะเกือบ 50% ของประชากรไทยแล้ว หรือแทบจะครอบคลุมถึง 70-80% ของกลุ่มเป้าหมายอย่างวัยรุ่น วัยทำงานได้แล้ว (ณ ปี 2015) จุดเด่นที่สำคัญของการตลาดออนไลน์ที่ได้เปรียบกว่าการตลาดผ่านช่องทางอื่น ๆ คือ "วัดผลได้แม่นยำกว่าสื่ออื่น ๆ" เพราะสื่อออนไลน์เป็นสื่อที่สามารถตอบโต้ได้ (Interactive) ทำให้เราสามารถเก็บและทราบข้อมูลของผู้รับสื่อได้ทันทีได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถบอกได้อีกด้วยว่า คนเหล่านั้นเป็นใคร อายุเท่าไร อยู่ที่ไหน
ซึ่งสำคัญมาก ๆ ในการทำการตลาดที่เข้าถึงให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบันมีหลากหลายวิธี การตลาดออนไลน์มากมาย เช่น การทำการตลาดผ่านอีเมล์ (e-Mail Marketing), การตลาดผ่านการค้นหาทางออนไลน์ (Search Engine Marketing), การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing) และอีกมากมายที่เกิดขึ้นผ่านออนไลน์ ซึ่งเราสามารถวัดผลการตลาดออนไลน์ทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำว่า มีคนดูกี่คน, กี่คนที่คลิกเข้ามา, มาจากไหน (ประเทศ, จังหวัด, อุปกรณ์ตัวไหน), เข้ามาตอนเวลาไหน, เข้ามาทำอะไร, มาแล้วซื้อของหรือเปล่า ซึ่งคุณจะรู้สิ่งเหล่านี้ได้ คุณต้องมีเครื่องมือวัดผลการตลาดออนไลน์เข้าไปช่วยวัดผล ซึ่งมาดู 10 เครื่องมือวัดผลการตลาดออนไลน์ฟรี ที่คุณจำเป็นต้องรู้ในการทำการตลาดออนไลน์
1.Google Analytics (www.google.com/analytics)
เป็นเครื่องมือที่จำเป็นมาก สำหรับนักการตลาดออนไลน์ เพราะสามารถวัดผลได้ครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามา (Audience), ช่องทางที่ลูกค้ามาหาเรา (Acquisition), พฤติกรรมลูกค้า (Behavior) รวมถึงวัดผลการขาย (Conversion) ว่า คนที่เข้ามาทางออนไลน์ ซื้อสินค้าคุณหรือไม่ ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณเห็นข้อมูลแทบทั้งหมดของลูกค้าที่ "เข้ามา" ยังช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์, แอปพลิเคชั่น หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ต้องใช้และอ่านให้เป็น
2.Facebook Insights (www.Facebook.com/insights)
หลายแบรนด์ หลายธุรกิจหันมาใช้ Facebook เป็นเครื่องมือและช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า และ Facebook เปิดให้บริการ Facebook Insights ที่ดูข้อมูลผู้ที่เข้ามาใน Facebook Pages ของเราได้อย่างเจาะลึก ดูพฤติกรรมรวมถึงดูว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร อายุเท่าไร มาจากจังหวัดไหน รวมไปถึงประสิทธิภาพของข้อความที่สื่อสารออกไปผ่าน Facebook ว่า ข้อความไหนดีหรือไม่ดี
3.Twitter Analytics (http://analytics.twitter.com)
คนไทยอาจใช้ Twitter น้อยกว่า Facebook แต่ต้องยอมรับว่าใน Twitter มีคนดัง ๆ ทั้งดารา นักธุรกิจ แบรนด์ต่าง ๆ เข้าไปใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้คนไม่น้อย และ Twitter เองก็มีเครื่องมือออกมาให้เราวิเคราะห์ได้ว่า ข้อมูลที่เราสื่อสารออกไปได้ผลมากน้อยแค่ไหน โดยดูได้ว่า ข้อความที่ส่งไปเข้าถึงคนกี่คน มีการแชร์ออกไปเท่าไร
4.Bit.ly (www.bitly.com)
คุณอยากรู้มั้ยว่าลิงก์ของเว็บไซต์ที่คุณส่งออกไป ผ่านออนไลน์ Facebook, Line, Twitter หรือช่องทางไหนก็แล้วแต่ มีคนคลิกกี่คน คนคลิกมาจากช่องทางไหน ประเทศอะไร คลิกเมื่อไร
สิ่งเหล่านี้คุณจะได้รู้ได้ทันที เมื่อคุณนำลิงก์ของเว็บไซต์ที่ต้องการดูข้อมูลไปย่อให้ชื่อสั้นลงด้วย bit.ly หลังจากที่ย่อชื่อสั้นลงแล้ว คุณจะได้ชื่อ URL สั้น ๆ เช่น http://bit.ly/ZhzVw และเมื่อใดก็ตามที่มีคนคลิก คุณจะได้รู้ข้อมูลทั้งหมดได้ทันที เป็นบริการยอดนิยมที่นักการตลาดออนไลน์ใช้วัดผลว่า ลิงก์ที่ส่งออกไปทางออนไลน์ได้รับความนิยมแค่ไหน
5.Alexa (www.alexa.com)
เป็นเว็บที่เก็บข้อมูลเว็บทั่วโลกไว้ ทำให้เราดูข้อมูลและเปรียบเทียบเว็บไซต์ของคุณกับคู่แข่งได้ในเชิงปริมาณคนเข้าเว็บไซต์, อันดับของเว็บไซต์คุณในประเทศและในโลกนี้ และข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์นั้น ๆ ได้ทันที ทำให้เข้าใจว่าเว็บไซต์ที่ต้องการทราบข้อมูลมีข้อมูลยังไงบ้าง ส่วนใหญ่นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือการเปรียบเทียบ (Benchmark) ตัวเองกับคู่แข่ง
6.Similarweb (www.Similarweb.com)
ที่มีความคล้ายคลึงกับ Alexa มาก แต่มีข้อมูลลึกกว่า มีข้อมูลหลายมุม และข้อมูลหลายอย่างจำเป็นต่อนักการตลาดออนไลน์ที่ต้องการวิเคราะห์เว็บไซต์ตนเอง และคู่แข่ง เช่น ประเทศลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ, ลูกค้ามาจากไหน, โซเชียลมีเดียที่ใช้, เว็บที่มีความคล้ายคลึงกัน เป็นต้น
7.Truehits (www.Truehits.net)
ผู้ให้บริการเก็บข้อมูลและสถิติเว็บไซต์ของไทยลักษณะคล้าย Google Analytics แต่มีความโดดเด่นกว่าที่มีการจัดอันดับเว็บไซต์ในประเทศไทย และมีการแบ่งเป็นหมวดหมู่แต่ละประเภทไว้ทำให้ดูได้ว่า เว็บไซต์ไหนของไทยที่มีความนิยมมากที่สุดในแต่ละหมวดหมู่ แต่ด้วยความเป็นของไทย ทำให้เห็นข้อมูลเชิงลึกมากกว่าในบางส่วน
8.ZocialRank (www.ZocialRank.com)
หากต้องการดูข้อมูลโซเชียลมีเดียของคุณหรือของคู่แข่งของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, YouTube รวมถึงการเช็กอันดับของโซเชียลมีเดียของคุณในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน แบ่งเป็นหมวดหมู่กลุ่มอุตสาหกรรม เข้าไปตรวจสอบได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีการจัดอันดับของแบรนด์ในแต่ละประเทศอีกด้วย
9.Google Trends (www.google.com/trends)
หากต้องการทราบว่า คนนิยมอะไรบ้าง คุณใช้ Google Trends วิเคราะห์และหาว่า คนทั่วโลก หรือคนไทยนิยมอะไรมากที่สุด โดยใช้ คำ หรือคีย์เวิร์ด ที่คนนิยมค้นหาผ่าน Google ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา จะทำให้เห็นถึงพฤติกรรมของคนว่า นิยมค้นหาคำว่าอะไร ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวโน้มและเทรนด์ของช่วงนั้น ๆ และยังสามารถใช้เปรียบเทียบคุณกับคู่แข่งได้เช่นกัน
และสุดท้าย อันดับ 10.Google Webmaster Tools (www.google.com/webmasters)
ต้องยอมรับว่าการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google (Search Engine Optimization) เป็นเรื่องสำคัญมากในการทำการตลาดออนไลน์ ดังนั้นหากสั่งการ หรือจัดการ Google ให้รู้จักเว็บไซต์ได้ดีขึ้นคงดีมาก Google จึงสร้างเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับควบคุมและสั่ง Google ที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณ ไว้ที่ Google Webmaster Tools โดยคุณดูและบริหารจัดการ Google กับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย
อี.โอ.เอส เกียร์,ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต,#มีดดามัสกัส,#เหล็กดามัสกัส