จากประชาชาติธุรกิจ
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โดยงานสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับศูนย์นโยบายและการจัดการสุขภาพ จัดงานแถลงข่าว "รามาธิบดีกับการผลักดันวาระแห่งชาติ : เรื่องการลดบริโภคเกลือและโซเดียม" ขึ้น ณ ห้องท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ชั้น 5 ศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า "การบริโภคเกลือและโซเดียมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไต ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในสังคมไทย ทั้งยังก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงในผู้ป่วยโรคเบาหวาน จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ ตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ในการดำเนินการและประสานงานการจัดทำยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อควบคุมการบริโภคเกลือและโซเดียมในทุกระดับ โดยให้มีการขับเคลื่อนเชิงนโยบายทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และในระดับท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม"
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายบริโภคเค็ม และอาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า "คนไทยกินเกลือถึง 10.8 กรัมต่อวัน มากกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำคือ 5 กรัมเท่านั้น และเมื่อสอบถามคนส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่า กินเกลือมากเกินไป จนกระทั่งเกิดผลเสียแก่ร่างกายแล้ว ยิ่งโดยเฉพาะคนที่กินอาหารแล้วต้องปรุงรส พวกน้ำปลา ซีอิ๊วขาว เกลือ กะปิ และซอสหอยนางรม เป็นเครื่องปรุง 5 ประเภทที่มีเกลือ/โซเดียมมากที่สุด หรือถ้าจะเปรียบเทียบให้ง่ายขึ้นคือ เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณโซเดียม 6 กรัม หรือว่าน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 1.1-1.4 กรัมนั่นเอง"
ฉะนั้นก่อนจะบริโภคอาหารที่มีเกลือเป็นส่วนประกอบ ควรพิจารณาฉลากและคำนวณปริมาณให้ดี ก่อนที่เกลือจะทำลายสุขภาพของทุกคน
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต