จาก โพสต์ทูเดย์
เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล /ภาพ...ภัทรชัย ปรีชาพานิช
ต้นปี 2558 ชื่อของอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี 2554 ปรากฎเป็นข่าวดังระเบิดระเบ้อไปทั่วทั้งเมืองอีกครั้ง
หลังจากวัดร่องขุ่น อ.เมือง จ.เชียงราย ที่เขาทุ่มเททั้งชีวิตสร้างขึ้นมากับมือ ด้วยการเนรมิตผืนดินอันแล้งแห้งให้เป็นวัดสีขาววิจิตรงดงาม จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองไทย ถูกสั่นคลอนจากน้ำมือของนักท่องเที่ยวจีน
พฤติกรรมสุดยี้ตั้งแต่ขับถ่ายไม่เป็นที่เป็นทาง แซงคิว สูบบุหรี่ทิ้งเรี่ยราด เอะอะเสียงดังรบกวนผู้อื่น ยันเหยียบย่ำทำลายข้าวของภายในวัดพังเสียหาย เล่นเอาผู้ชายนิสัยโผงผาง ดุดันอย่างอาจารย์เฉลิมชัยยังต้องยกธงขาวถึงขั้นปิดวัดหนี
ด้วยหัวใจไม่ยอมแพ้ คิด วิเคราะห์ แยกแยะเหตุผล จนนำไปสู่การลุกขึ้นแก้ไขปัญหา ทุ่มเงิน ทุ่มกำลังคน รวมทั้งพยายามเข้าใจและยอมรับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ปรับเปลี่ยนวิธีคิด มุมมองของตัวเองเสียใหม่
วันนี้ อาจารย์เฉลิมชัยยืนยันว่า "ร่องขุ่นโมเดล" ถือเป็นต้นแบบการรับมือนักท่องเที่ยวจีนที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ
วัดร่องขุ่นประสบปัญหานักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่เมื่อไหร่
ปัญหานักท่องเที่ยวจีนไม่ได้เพิ่งเกิด วัดร่องขุ่นโดนขี้ถล่มมาตั้งนานแล้ว
สมัยช่วงแรกๆมากันวันละ 200-300 คน เริ่มเจอเหตุการณ์ขี้ไม่ล้าง เจ้าหน้าที่เปิดห้องน้ำดู ไอ้หยา ขี้ไม่ราด เรียกมันมาดูมันก็ไม่สน ไม่เอาอะไรทั้งนั้น โอเค ไม่เป็นไร มึงขี้ก็ขี้ไป เราก็ล้างไป แต่ทีนี้พอนักท่องเที่ยวมันมาเยอะขึ้นๆ มาเป็นพันๆคน เจ้าหน้าที่วัดต้องล้างขี้ให้คนจีนทุกวัน บางคนขี้เสร็จแทนที่จะราดน้ำให้สะอาด เสือกเอากระดาษทิชชู่มาแปะๆกองๆไว้ บางคนแทนที่จะขี้ลงในโถส้วม เสือกขี้ข้างนอก บางคนแย่กว่านั้นแม่งขี้ลงอ่างน้ำ บางคนลูกขี้เสร็จก็พามาล้างตูดในอ่างล้างหน้า ผู้หญิงบางคนเป็นประจำเดือนแม่งถอดผ้าอนามัยแปะไว้กับข้างฝา ... โอ้ แม่เจ้า (ตะโกนเสียงดังมาก)
วันหนึ่งกำลังบรรยายธรรมะให้ลูกศิษย์ฟังอยู่หน้าหอศิลป์ ตอนนั้นประมาณห้าโมงครึ่ง วัดปิดแล้ว แต่เราเปิดห้องน้ำไว้ 2 ห้องเผื่อนักท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับ จู่ๆมีทัวร์จีนลงมาพรึบเลย วิ่งกรูกันเข้าห้องน้ำ สักพักนึงมีคนมาฟ้อง 'อาจารย์เฉลิมชัย ทำไมห้องน้ำสกปรกจัง' ผมวิ่งเข้าไปดู โอ้โห แม่ง ขี้เลอะเต็มไปหมดทุกห้อง กระทั่งโถเยี่ยวยังมีคนไปนั่งขี้ กูจะบ้าตาย
ผมโกรธชิบหาย ไม่ไหวแล้วโว้ย ประกาศปิดวัด ขอเป็นข่าวหน่อยวะ ด่าแม่งออกทีวีจนเป็นเรื่องระดับรัฐบาล ผมเป็นคนแรกที่พูดเรื่องปัญหานักท่องเที่ยวจีน เพราะคนอื่นไม่มีใครกล้า พูดปุ๊บวงแตกปั๊บ รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการเตือนนักท่องเที่ยว สถานทูตจีน นายกสมาคมคนจีนในไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หอการค้าจังหวัด ไกด์ทัวร์ ทุกฝ่ายต้องเข้ามาคุยกับผม มันสะเทือนไปหมด
ถึงขั้นจะปิดวัดหนีเลยหรือ
ทีแรกตั้งใจจะปิดวัดสัก 3 วัน ห้ามคนจีนเข้า ผมไปยืมคุมหน้าวัดคอยตรวจพาสปอร์ต จีนไต้หวัน จีนมาเลย์ จีนฮ่องกง จีนสิงคโปร์ โอเค ให้เข้าได้ แต่จีนแผ่นดินใหญ่กูไม่ให้เข้า (ตะโกนเสียงดัง) กูรับมึงไม่ได้ เลอะเทอะ ไร้ระเบียบ ไม่เคารพกฎกติกาสักอย่าง
พอจะแอนตี้ ลูกชายผมมันก็บอกว่า พ่อจะมาปิดวัดหนีแบบนี้ไม่ได้นะ คนจีนเขาอุตส่าห์เสียเงินมาชื่นชมงานศิลปะพ่อ พ่อจะไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของเขาแบบนี้ไม่ได้ พ่อต้องคิดให้ดี คนจีนไม่ใช่ว่าไม่ดีทั้งประเทศ พ่อจะเกลียดคนจีนทุกคนไม่ได้ พอลูกเตือน ผมเลยมานั่งคิดว่า เออว่ะ เราด่ามัน ยังไงแม่งก็มากันอยู่ดี แทนที่จะด่ามันไปเรื่อยๆ ทำไมเราไม่ย้อนกลับมาดูความผิดตัวเองว่า เราพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีนหรือเปล่า ไอ้ที่เราให้มันเข้ามาเที่ยว เราเตรียมพร้อมรับมือกับมันดีพอรึยัง
อย่างเรื่องขี้ไม่ราด ห้องน้ำที่มีปัญหาคือห้องน้ำที่นั่งยองๆขี้ ซึ่งห้องน้ำในวัดยังมีแบบนั่งยองๆครึ่งนึง เป็นชักโครกอีกครึ่งนึง นี่คือปัญหา ปัญหาต่อมาคือ บุคลากร คนจีนแม่งไม่รู้จักเข้าคิว เอะอะโวยวาย ขนาดพวกเดียวกันมาด้วยกันแม่งยังแย่งแซงคิวกันเลย บุคลากรเราล่ะพร้อมไหมในการที่จะบอกให้มันเข้าคิว หรือคนจีนสูบบุหรี่ เรามีบุคลากรเดินเข้าไปเตือนไหมว่าที่นี่สูบบุหรี่ไม่ได้ หรือคนจีนชอบนุ่งสั้นเข้าไปในโบสถ์ ถึงจะมีผ้านุ่งให้ยืม แต่พอเข้าไปแม่งเสือกถอดผ้ากระโดดโลดเต้น ถามว่าเรามีบุคลากรคอยดูแลไหม มีอยู่หนนึงคนจีนแม่งขึ้นไปนั่งบนอาสนะแล้วทำท่าเทศน์ (หัวเราะ) เอ้า ไอ้เหี้ย ก็มันสวยอ่ะ มันคงคิดว่าขึ้นไปถ่ายรูปได้ ไม่ผิด ถามว่าแล้วเรามีป้ายภาษาจีนรึเปล่า บางคนไม่ดูป้ายหรอก แม่งเดินผิวปากไม่สนใจ แล้วทำไมเราไม่จัดเจ้าหน้าที่คอยอธิบายสักคนล่ะ
สุดท้ายตัดสินใจได้ว่า กูเองที่ไม่พร้อม กูต้องแก้ปัญหา ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในบริเวณวัดกูให้ได้
แล้วแก้ปัญหายังไง
เปลี่ยนใหม่หมดทุกอย่าง รู้ไหมว่าผมเปลี่ยนค่าห้องน้ำ หมดเงินไปเป็นสิบล้าน สร้างห้องน้ำใหม่เป็นแบบชักโครกจนทุกวันนี้ยังสร้างห้องน้ำยังไม่เสร็จเลย ผมแก้ปัญหาคนแต่งตัวโป๊กระโดดโลดเต้นได้ เพราะมีคนที่พูดกับมันรู้เรื่อง ใครทำผิด ถ้าผมอยู่วัด จะเรียกมาอบรมตัวต่อตัวเลย เอาแม่งให้อยู่ เพิ่มบุคลากรพูดภาษาจีนด้วย ททท.ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาจีนมา 2 คน เราก็เพิ่มเจ้าหน้าที่ล่ามภาษาจีนเข้าไปอีก 2 คน ขอกำลังตำรวจเข้ามาเดินตรวจตราที่วัดอีก 2 คน เราพัฒนาคนกวาดขยะให้พูดภาษาจีนได้ เพื่อเป็นผู้ดูแลเข้าไปตักเตือนมัน
สมมติว่ามีรถบัสมาจอดหน้าวัด 3 คัน คนจีนแม่งวิ่งลงมาเข้าห้องน้ำ เราก็ส่งทีมไปดูแลมัน ว.หากันเลย 'มันมาแล้วโว้ย คนจีนแม่งมาแล้ว ไอ้เหี้ย ห้องส้วมมึงระวังโว้ย เตรียมตัวจัดคิว' (เสียงดัง) มันจะไปยากเหี้ยอะไร ถ้ามันขี้ไม่ล้าง เจ้าหน้าที่ของเราก็คอยย้ำให้มันฟัง 'ความสะอาด ความสะอาด ความสะอาด' สอดส่องดูทุกห้องเวลามันออกมา ถ้าเห็นว่าไม่ราดน้ำ ก็ไล่มันกลับเข้าไปราดให้เรียบร้อย นี่คือกระบวนการจัดการที่เราทำขึ้นเพื่อให้มันรู้สึกว่านี่คือความผิดของมึง มึงต้องจัดการนะ หรือเวลาบอกให้เข้าคิว ถ้าเราบอก 'เข้าคิวๆๆ' แม่งก็งงสิ เพราะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเราพูดเป็นภาษาจีนว่า 'ไผ่ตุ้ยๆๆ' โดยมีตำรวจคอยยืนประกบ จัดให้มันเข้าคิว ห้ามแทรก คนจีนแม่งจะรีบเข้าคิวเลย เราต้องวางกฎระเบียบ และบังคับอย่างเด็ดขาด วัดร่องขุ่นใช้วิธีบังคับ และชื่นชม ไกด์คนไหนปฏิบัติตัวเรียบร้อย ถือว่าคุณช่วยเหลือพวกเรา ช่วยเหลือประเทศชาติ
เรื่องมัคคุเทศน์ เราทั้งขอความร่วมมือ ทั้งเอาผิด ไกด์มีหน้าที่ช่วยอธิบายเกี่ยวกับข้อห้ามของวัดร่องขุ่น อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ชี้แจงกันตั้งแต่บนรถบัส ถ้าไกด์รุ่นใหม่ที่ไม่เคยมาจะไม่รู้กฎระเบียบของวัด เลยไม่ได้เตือนนักท่องเที่ยวของมัน พอเกิดปัญหาขึ้น เราเรียกไกด์มาเลย 'เฮ้ย ไอ้น้อง กูขอร้องมึง มึงเพิ่้งมาใหม่ มึงเอากฎระเบียบวัดไปพูดบนรถให้เรียบร้อย' ถ้านักท่องเที่ยวทำผิด ไกด์ก็ต้องเรียกไอ้คนผิดมาด่า เช่น ครั้งหนึ่งเราจับคนจีนสูบบุหรี่ได้ ก็แกล้งมันไม่ให้มันขึ้นรถกลับ ให้เสียเวลาสักครึ่งชั่วโมง เพื่ออบรมมัน ไกด์ก็เซ็ง เพื่อนร่วมทัวร์ก็เซ็ง หิวข้าวก็หิว แต่ไปไม่ได้ เพราะมึงทำผิดกฎ เพื่อนแม่งก็รุมด่าไอ้เหี้ยนี่อีก
หมดงบประมาณเยอะแค่ไหน
คิดดูว่าต้องเสียเงินค่าเงินเดือนพนักงานเพิ่มขึ้นอีกกี่คน ต้องเสียค่าอบรมภาษาจีนให้เจ้าหน้าที่อีกเท่าไหร่ ยกตัวอย่างข่าวนักท่องเที่ยวจีนไปทำปะการังชิบหาย ถามว่าคนดูแลอุทยานมีกี่คน ...3 คน (ตะโกนเสียงดัง) ไอ้เหี้ย แล้วมึงจะดูแลคนเป็นหมื่นได้ไงวะ ภาษาจีนก็พูดไม่ได้สักคำ ถามหน่อยมึงจะไปดูแลเหี้ยอะไรได้ แค่จะต้อนขึ้นจากน้ำก็เป็นไปไม่ได้แล้ว มันเลยเหยียบปะการังฉิบหายวายป่วงหมดไง
แต่วัดร่องขุ่นเราดูแลคนจีน ตั้งแต่เดินเข้ามาจะมีเจ้าหน้าที่คอยพูดอธิบาย 1 คน เลี้ยวเข้าวัดมีเจ้าหน้าที่เก่งภาษาจีนของททท. 2 คน พร้อมเจ้าหน้าที่วัดอีก 3 คนยืนคุมเชิง เดินผ่านประตูมาถึงกลางสะพานเจออีก 1 คน เดินลงสะพานเจอเจ้าหน้าที่ยืนรอหน้าโบสถ์อีก 1 คน เข้าไปในโบสถ์เจออีก 2 คน ลงโบสถ์มาเจออีก 4 คน ห้องน้ำ 3 แห่ง เจอหน้า 2 คน หลัง 2 คน ไหนจะเจ้าหน้าที่กวาดขยะคอยเป็นหูตาให้อีกนับ 10 คน
ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์ที่กูใช้สู้กับมึง หรือ หอศิลป์มีรูปแพงๆมากมาย รู้ไหมมีคนดูแลกี่คน ... 12 คน (ตะโกนเสียงดัง) แล้วแบบนี้คนจีนมันจะกล้าจับรูปกูเหรอ คนจีนมันจะกล้าล้ำเส้น กล้าเสียงดัง กล้าใช้โทรศัพท์เหรอ ไม่มี (เสียงสูง) ทุกคนเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ถามว่าถ้าหอศิลป์มีคนดูแล 3 คน คนจีนเข้าไป 300 คน มึงไม่เละเหรอ ฉะนั้นความผิดคือ มึงไม่ปกป้อง ไม่ป้องกัน ไม่เตรียมพร้อมรับมือ ตรงนี้ต้องบริหารจัดการ ไม่ใช่เอาแต่ด่าๆๆ
ผมไม่สนว่าจะเสียเงินเท่าไหร่ สนแค่ว่าทำยังไงให้วัดร่องขุ่นกับคนจีนไม่มีปัญหากัน การท่องเที่ยวถึงอยู่ได้ ถ้าผมปิดวัดไม่ให้คนจีนเข้า มันจะกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศทันที ถือว่าประเทศไทยไม่ให้เกียรติประเทศเขา นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีมากๆ
สรุปว่าผู้ประกอบการต้องลงทุน ลงแรงเอง
ถูกต้อง จำไว้ว่าเราปฏิเสธคนจีนไม่ได้ เราจะด่ามันไปตลอดไม่ได้ เพราะยังไงมันก็เข้ามา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนตัวเราเอง
ผู้ประกอบการจะต้องจ่ายเงินเยอะขึ้น หาคนพูดภาษาจีนมา ป้ายภาษาจีนต้องมี วัดร่องขุ่นป้ายภาษาจีนเต็มไปหมด แต่แค่นั้นไม่พอ คนของเราต้องพูดภาษาจีนได้ด้วย คอยดูแลตามร้านค้า ร้านขายของ เราสามารถจัดระเบียบคนจีนได้ ถ้าคุยกับมันรู้เรื่อง อย่างคลิปวีดีโอที่คนจีนแม่งแย่งกันตักกุ้ง ถ้าเป็นที่วัดร่องขุ่น มึงไม่มีทางได้ตักอย่างงั้นหรอก เราจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปคุม เพราะเรารู้จักมัน สันดานของมันชอบแย่งชิง ฉะนั้นเราต้องเข้าไปควบคุม ต้องมีพนักงานที่พูดภาษาจีนได้ไปบอกให้เข้าคิว บอกว่าอย่าตักแบบนี้ ถ้าตักแล้วกินไม่หมด มึงจะถูกปรับ ต้องอธิบายให้มันฟัง แล้วมันจะเชื่อ ไม่ใช่ไม่เชื่อ มันไม่ใช่คนป่าเถื่อน
ถามว่าจังหวัดเชียงราย ถ้าเฉลิมชัยแม่งด่าคนจีนจนไม่มีใครกล้ามาเที่ยว วัดร่องขุ่นไม่ได้เดือดร้อนนะ แต่โรงแรม ร้านอาหาร การท่องเที่ยวของพี่น้องชาวเชียงรายจะเดือดร้อน คนจีนมาวัดร่องขุ่น 5,000 คน แต่คนจีนที่แม่งมาสร้างปัญหาอย่างเก่งมีถึง 10 คนรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่มึงจะไปด่าเขาทั้งประเทศไม่ได้ บางคนบอกคนจีนมาเที่ยวเอง เราไม่ได้แดกเงินมัน ไม่จริง (เสียงสูง) ยังไงมันก็ซื้อของ ซื้อนู่นซื้อนี่ ร้านรวงในเชียงรายก็อยู่ได้ มีกิน ดังนั้นเราจะไปปฏิเสธได้ไง
เราก็เพิ่มคนให้มากขึ้น ยอมสูญเสียเงินมากขึ้นในการให้บริการมัน ดูแลมัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย สุดท้ายถ้าเราสำเร็จก็สบาย เราต้องเข้าใจนิสัยสันดานมัน เมื่อเราเข้าใจมัน เราจะมีวิธีการปราบมันได้ เพื่อให้มันอยู่ในกฎระเบียบของเรา นั่นคือ การชี้นำ ชี้แนะ อธิบาย เช่น ให้ไกด์มันอธิบายมาตั้งแต่บนรถ ลงมาเรายังมีคนอธิบายอีก ถ้ามันทำผิด เราก็ด่ามัน ด่าไกด์ ย้ำแม่งทุกวัน ความผิดมันก็น้อยลง
สถานที่ใดไม่สามารถจะเพิ่มเงินตัวเองในการจัดคน หรือสอนให้ภาษาจีนแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อต้อนรับเขาได้ ก็ปิดซะ สถานที่ไหนคิดว่าบริการคนจีนได้ จัดการเขาได้ มันก็ได้เงิน ถ้ามึงจัดการเขาได้ นั่นคือประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจมึงด้วย การลงทุนเช่นนั้นมันยิ่งกว่าคุ้มค่า ข้างวัดร่องขุ่นมีร้านอาหาร เดี๋ยวนี้ทัวร์จีนลงแล้วกินร้านอาหารเหล่านั้น เพราะอะไร ก็เพราะร้านมันบริการคนจีนได้ ร้านมันมีแผนรับมือจัดการกับคนจีน เดี๋ยวนี้แม่งรวยไปเลย แต่ถ้าร้านไหนเกลียดเขา ด่าเขา เขาก็ไม่ไปกิน ถ้ามึงปรารถนาจะดูแลเขา มึงต้องเปลี่ยนตัวเอง แล้วมึงจะได้เงินเขา
ทั้งหมดนี้นำไปสู่การที่วัดร่องขุ่นจะเริ่มเก็บค่าเข้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเดือนตุลาคมนี้
เก็บทำไม
ผมประกาศล่วงหน้าไปเป็นปีแล้วว่า กูจำเป็นต้องเอาเงิน 50-60 บาทของมึงมาจ่ายค่าแรงงานของกู ทุกวันนี้ผมต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน 125 คน ไหนจะค่าซ่อมแซมก่อสร้างข้าวของที่นักท่องเที่ยวจีนทำพัง รู้ไหม วัดเราลวดลายหักเป็นประจำ แม่งเหยียบลายพังชิบหาย ห้ามจับแม่งก็จับ ห้ามพิงแม่งก็พิง ค่าใช้จ่ายในการดูแลวัดร่องขุ่นเดือนละ 4 ล้านกว่าบาท กูก็ต้องเก็บเงินเพื่อมาดูแลมึงนี่แหละ (หัวเราะ)
หลังจากเก็บเงิน การท่องเที่ยวจะดีขึ้นกว่านี้อีกมาก ผมจะแจกหนังสือภาษาจีนให้นักท่องเที่ยวคนละหนึ่งเล่ม เป็นข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับวัดร่องขุ่น เสียเงิน 50 บาท มึงจะได้หนังสือกูไป หนังสือเล่มนี้จะกระจายออกไปยังประเทศจีนนับแสนๆเล่ม
ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวที่มาวัดร่องขุ่นแบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม
คนจีนแม่งปาเข้าไป 70 % แล้ว ที่เหลือคือฝรั่งกับคนไทย
ถ้ามาวัดร่องขุ่นตอนเช้าจะเจอฝรั่งเยอะสุด ฝรั่งมันชอบมาเช้าๆเพื่อดื่มด่ำความงาม ความสงบ ตั้งแต่ก่อนแปดโมงประตูเปิดจะมีฝรั่งมารอเข้าเต็มไปหมด หลังจากนั้นพอสิบโมงคนจีนจะมา เที่ยงๆก็หายไป คนไทยก็จะมาหยอมๆแหยมๆ พอสักบ่ายสามคนจีนมาอีกแล้ว แม่งมากันมืดฟ้ามัวดินเลยทีนี้
ส่วนใหญ่ต้องการมาถ่ายรูปกับ 'ไป่แม่ว' แปลเป็นไทยว่า 'วัดขาว' วัดร่องขุ่นดังมากนะ เป็นสถานที่ที่คนจีนอยากจะมา เป็นความฝันของคนจีนเลยว่าต้องมาเยือนไป่แม่วให้ได้ ไม่ใช่เรื่องความศักดิ์สิทธิ์อะไรหรอก แต่เขาปรารถนาที่จะมายืนอยู่หน้าไป่แม่ว ถ่ายรูปแล้วกลับบ้าน ดังนั้นมันจะถ่ายเยอะโคตรๆเลย ถ่ายจนน่าเบื่อมาก ทุกวันปิดวัดทีจะเห็นว่าเวลาเราไล่คนจีนนี่นะ อืมหืม (ทำหน้าบิดเบี้ยว มือกุมหน้าผาก) เหนื่อยชิบหาย! (ตะโกนเสียงดังมาก) แม่งโคตรดื้อ พูดยังไงก็ไม่ฟัง ตำรวจมาพูดก็ไม่ฟัง ไกด์พูดก็ไม่ฟัง เราก็ทนเอาเว้ย ปล่อยมัน ค่อยๆต้อนจนกว่าจะหมด
ทัวร์จีนที่นั่งรถบัสกันมาเป็นหมู่คณะกับพวกที่ขับรถมาเอง ต่างกันไหม
แตกต่างมาก คืออย่างนี้ ไอ้พวกที่ขับรถมามันก็ไม่ได้รวยอะไรมากนักหรอก คนชั้นกลาง พวกนี้ไม่มีปัญหา ภาษาอังกฤษใช้ได้ ส่วนใหญ่มาจากเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ซีอาน ที่ที่รวยๆ แต่พวกทัวร์จนๆมันมาทีนึงเป็น 3-4 คันรถ ไอ้ที่เขาเรียกทัวร์ศูนย์เหรียญนั่นแหละ พวกนี้ส่วนมากมาจากจังหวัดชนบท บ้านนอกของจีนน่ะ
นอกจากนี้ยังมีอีกทัวร์นึงคือ พวกที่มาเที่ยวเชียงใหม่ แต่อยากแวะไป่แม่ว แล้วแม่งชอร์ตคัทตรงนั้น ซื้อทัวร์จากเชียงใหม่มา 10 คนมั่ง 5 คนมั่ง ตรงนี้คือปัญหาเพราะมันคือทัวร์ผี ไม่มีไกด์ ไม่ได้ผ่านการอบรมบนรถ เพราะต่อให้เป็นทัวร์จน ถ้ามีไกด์นำมาก็จะเรียบร้อย คนจีนเราต้องมองให้ออกว่า จีนมาเลย์ จีนสิงคโปร์ จีนฮ่องกง หรือจีนไต้หวัน พวกนี้ไม่มีปัญหา ปัญหาคือจีนแผ่นดินใหญ่
ช่วงหลังๆเจ้าหน้าที่ของเราเริ่มแยกออกได้แล้วว่า 'เฮ้ย นี่คือทัวร์จน เตรียมตัว ลุย ไปดูมันหน่อยโว้ย' (หัวเราะเสียงดัง)
ดูยังไง
ดูสถานะมัน ดูการแต่งตัว ดูสิ่งที่มันโวยวาย วู้ๆๆๆๆ แย่งกันถ่ายรูป แย่งกันปัดกล้อง เข้าห้องน้ำแม่งก็ชิงตัดหน้ากันเอง วู้ๆๆๆๆ แต่ไม่มีมาทุุกวันหรอก นานๆจะเจอที
มองว่าพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของคนจีนมาจากสาเหตุอะไร
คนจีนมักง่าย แต่ไม่ใช่จีนทั้งหมดนะ เป็นแค่จีนที่ด้อยการศึกษา จีนบ้านนอก มันดื้อ เสียงดัง แย่งชิง ไม่ให้เกียรติผู้อื่น ขนาดพวกเดียวกันเองยังตีกันแทบตายห่า มาถ่ายรูปไป่แม่ว โอ้โห แม่งทั้งกอดคอ เกี่ยวคอ สารพัด (หัวเราะ)
เวลาคนจีนมา เรานึกว่าแม่งเหมือนกันหมด นั่นคือคิดเอาเอง เพราะเรายังไม่ศึกษามันก็เลยด่าแม่มัน พอหลังๆมานั่งดูนั่งวิเคราะห์ เออ คนจีนที่เรียบร้อย มีการศึกษา มีมารยาทก็มีเยอะแยะมากมาย แล้วอีกอย่างคนจีนแม่งก็ด่าคนจีนด้วยกันนะ เช่น เด็กนั่งเยี่ยวหน้าวัด คนจีนฝูงใหญ่รุมชี้หน้าด่าพ่อแม่มันใหญ่ ไม่ได้ตบมือชอบใจหรอก
หรือออฟฟิศวัดร่องขุ่นเพิ่งสร้างใหม่ มีนักท่องเที่ยวจีนแม่งอุ้มลูกมาหันรีหันขวาง สักพักแม่งเปิดประตูเข้าไปนั่งขี้อยู่ในออฟฟิศ (หัวเราะ) ขี้เสร็จแม่งหาถุงก๊อบแก๊บมาเก็บไปทิ้งลงถังขยะ ดูมันสิ ไอ้เหี้ย ห้องส้วมเลยไปอีกแค่หน่อยเดียว 20 เมตร แต่ยังเสือกมาขี้ในออฟฟิศกู ถามว่าเรื่องแบบนี้จะได้เห็นทุกวันไหม ไม่ มันอาจเกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตก็ได้ แล้วเราจะไปโทษคนจีนเขาทั้งหมดได้ไง ไปด่าเขาทั้งหมดได้ไง มึงเข้าใจไหมมันเป็นบุคลิกภาพส่วนบุคคล มันเป็นความเหี้ยส่วนบุคคล (หัวเราะ) จะไปเหมาว่าเหี้ยทั้งประเทศจีนไม่ได้
ไม่ใช่คนจีนอย่างเดียวหรอก คนไทยเราก็มี เวลาไปญี่ปุ่น คนไทยแม่งเหี้ยสุดๆ คนญี่ปุ่นเดือดร้อนกันมาก เพราะมันไม่รู้เรื่องห่าอะไรสักอย่าง เข้าไปเด็ดดอกไม้ ถ่ายรูป พิงตรงนู้น จับตรงนี้ เหมือนคนจีนมาวัดร่องขุ่นเป๊ะ คนไทยไปญี่ปุ่นก็ทำเหมือนกันแหละ ทั้งคนไทยที่มีการศึกษาน้อย หรือคนไทยที่มีการศึกษาแต่นิสัยยังเหี้ยอยู่ มันเป็นธรรมชาติของคน เทียบกับฝรั่งไม่ได้เลย ฝรั่งไปไหนไม่ค่อยมีปัญหา เพราะมันเข้าใจว่าการเดินทางไปที่อื่นต้องศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของบ้านเขา อะไรที่เป็นกฎระเบียบ ข้อห้าม แต่คนจีนเหมือนคนไทยคือ ไปเที่ยวไหนก็ไม่เรียนรู้ห่าอะไรเลย
นักท่องเที่ยวกลัวอาจารย์ไหม
กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัว (หัวเราะ) ทั้งด่า ทั้งเดินจี้ วิธีการจัดการที่ดีที่สุดคือ ต้องมีความเด็ดขาด ดุดัน แต่ขณะเดียวกันนั้นก็ต้องมีความปรานีในความดุดันด้วย ดุดันเพื่อให้ไกด์มันระวัง ไกด์ผิดผมเดินเข้าไปด่าเลย ออกไมโครโฟนด่าประจานให้แม่งได้ยินกันทั้งวัด มึงจะเกลียดกูก็เรื่องของมึง แต่นั่นคือวิธีการที่กูขอร้องมึงแล้วให้มึงช่วยกู ช่วยประเทศชาติมึง ถ้ามึงไม่ช่วย มึงสร้างปัญหาให้กู ก็อย่ามาวัดกูดีกว่า
แรกๆไกด์ก็ไม่ชอบผมหรอก เกลียดผมจะตาย แต่มันต้องหากินไง ในเมื่อมึงจะมา มึงต้องทำตามที่กูบอก ไม่งั้นมึงโดนด่า มึงผิดอีก กูก็ด่ามึงอีก ไกด์ดีก็ชม ผมออกอากาศชมเลย ไกด์ทัวร์จีนทุกคนถ้าเข้ามาในวัดร่องขุ่นแล้วลูกทัวร์ทำผิด มึงต้องรับผิดชอบ พอจับคนกระทำผิดได้ ผมจะประกาศหาไกด์ ไม่ยอมให้แม่งขึ้นรถ จะมีคนจีนของผมเข้าไปพูดกับมัน อบรมมัน อบรมไกด์ด้วย แล้วอบรมต่อหน้าลูกทัวร์ทั้งหมดเลยนะ นี่คือสิ่งที่ผมต้องทำเพื่อให้มันหวาดกลัว ความหวาดกลัวทำให้มันระมัดระวังเวลามาวัดร่องขุ่น
งั้นแสดงว่า ถ้าไกด์อธิบายตั้งแต่ก่อนเข้าวัดก็จะช่วยได้เยอะ
จบเกม ไม่ต้องทำเหี้ยอะไรแล้ว สบาย ปัญหาทุกอย่างขึ้นอยู่กับไกด์คนเดียว ถ้าไกด์ควบคุมลูกทัวร์ได้ก็จบ ไอ้ภาพที่คนจีนแม่งแย่งตักกุ้งแบบนั้น เพราะไกด์มันไม่ได้เรื่อง โรงแรมแม่งก็ใช้ไม่ได้ เมื่อรู้ว่าคนจีนแม่งมั่ว ทำไมมึงไม่จัดคนมาดูแล ทำไมมึงไม่เรียนภาษาจีน เอาคนจีนมาสู้กับคนจีนสิ กูมีหมด หนังสือภาษาจีน ป้ายภาษาจีน คนของกูก็พูดภาษาจีนได้ ปัญหาก็แก้ได้ทุกอย่าง
เดี๋ยวนี้ทัศนคติที่อาจารย์มีต่อนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปเยอะไหม
มีคนด่าผมว่า 'ไอ้เหี้ยเฉลิมชัยแม่ง สมัยก่อนด่าจีน ตอนนี้เสือกรักคนจีน รักเงินเขาน่ะสิไม่ว่า' แหม มันไม่ใช่ (เสียงสูง) ไอ้สัตว์ มึงไม่เข้าใจ ที่กูด่าเพราะตอนนั้นกูรู้สึกว่าแม่งเหี้ย แต่ตอนหลังกูว่ากูต่างหากที่ไม่พร้อม พอกูพร้อมกูก็รักมัน เพราะมันเชื่อฟังกูไง
รู้ไว้ซะ กูไม่ได้เงินจากคนจีนเลย คนจีนจะมาซื้อของวัดกูน่ะไม่มีหรอก ขนาดกูทำหนังสือวางขาย 5,000 เล่ม ทุกวันนี้แม่งยังวางกองอยู่พะเนินเทินทึก (หัวเราะ) หมื่นคนแม่งซื้อหนังสือกูอย่างเก่ง 10 คน ไอ้เหี้ย แค่เล่มละ 100 บาทเอง บางคนแม่งก็ซื้อการ์ดกูแผ่นนึง 10 บาท 20 บาท ทุกวันนี้คนจีนแม่งไม่ซื้อเหี้ยอะไรเลย ถ่ายรูปอย่างเดียว แล้วกูก็ไม่มีตู้บริจาค วัดกูไม่มีเจ้าแม่กวนอิม (หัวเราะ)
ฉะนั้นมึงอย่าบอกว่ากูได้เงินจากคนจีน คนจีนแม่งให้เงินแก่พี่น้องชาวเชียงรายของกูต่างหาก ไปพักโรงแรม ไปกินข้าว ไปเที่ยวที่อื่น ทุกคนได้เงิน วัดกูเป็นหน้าด่าน เป็นเป้าหมายว่าต้องมาไป่แม่ว ถ้ากูต้อนรับคนจีนไม่ดี ไปด่ามัน ก็ชิบหาย เศรษฐกิจเชียงรายเจ๊งเลยนะ เสียหายต่อประเทศชาติด้วย เพราะฉะนั้นกูต้องสู้เพื่อรักษาประโยชน์ของจังหวัดเชียงราย รักษาผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ กูต้องทำสิ่งที่ยากที่สุดให้สำเร็จให้ได้ นั่นคือ ร่องขุ่นโมเดลปราบจีน เมื่อปราบเสร็จ ทุกอย่างก็จบ
ตอนนี้แม่งคือเพอร์เฟกที่สุดแล้ว ไม่มีปัญหาแล้ว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต