จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
สบู่ดำ
ศูนย์พิษรามาฯ เปิด 10 อันดับ "พืชพิษ" ทำคนไทยป่วยบ่อยสุด พบเกินครึ่งมาจาก "สบู่ดำ/สบู่ขาว" ชี้อาการพิษเกิดได้ 5 กลุ่ม ระคายเคือง เซลล์เอาออกซิเจนไปใช้ไม่ได้ ระบบประสาท หัวใจ ไต เตือนกินสารสกัดสมุนไพรเสี่ยงอันตราย ต้องแจ้งแพทย์ที่รักษา เหตุเกิดปฏิกิริยากับยาที่กินจนเกิดภาวะพิษ
ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการที่ศูนย์พิษฯ ได้รวบรวมปัญหาจากพืชพิษในประเทศไทยพบว่า พืชที่คนไทยโดนพิษบ่อยครั้งที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 1.สบู่ ดำ/สบู่ขาว 54.1% 2. กลอย 8.7% 3.มันสำปะหลัง 5.9% 4.ลำโพงหรือมะเขือบ้า 4.2% 5.โพธิ์ศรี/โพธิ์ทะเล/โพธิ์ฝรั่ง 4.1% 6.ฝิ่นต้น 2.8% 7.มะกล่ำตาหนู 2.5% 8. บอน 2.1% 9.ละหุ่ง 1.4 % และ 10.สาวน้อยประแป้ง 1.2% นอกจากนี้ ยังมีพืชอื่นๆ ที่ประชาชนได้รับพิษและปรึกษาเข้ามาที่ศูนย์อีก 89 ชนิด การจะแยกว่าผู้ป่วยถูกพิษจากพืชอะไรนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะบางครั้งผู้ป่วยไม่รู้ว่าเป็นพืชชนิดใด หรือรู้ชื่อแต่ก็เป็นภาษาถิ่น ทำให้ไม่ทราบพืชที่แท้จริง เป็นต้น จึงจัดทำเครื่องมือในการแยกอาการที่เกิดจากพิษออกเป็น 5 กลุ่ม คือ การระคายเคือง เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้ ระบบประสาท ระบบหัวใจ และระบบไต
ศ.นพ.วินัย กล่าวว่า 1.กลุ่มอาการระคายเคืองเกิด ขึ้นได้ที่ผิวหนังและระบบทางเดินอาหาร ทำให้กระเพาะและลำไส้อักเสบ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อาการระคายเคืองทางผิวหนังเกิดจากน้ำยางใสของพืชที่มีสารแคลเซียมออกซาเลต เช่น บอน สาวน้อยประแป้ง ว่านหมื่นปี และเผือก หากทำให้เกิดผื่นนูนแดง เพราะสัมผัสพืชที่มีการปล่อยสารฮีสเทมีน ได้แก่ ขนของหมามุ่ยและตำแย สำหรับพืชที่รับประทานเข้าไปทำให้เกิดระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร แบ่งเป็นพิษที่เกิดจากเมล็ด มีสบู่ดำ ฝิ่นต้น สบู่แดง และโพธิ์ฝรั่ง ส่วนที่เป็นพิษทุกส่วนคือ บอน สาวน้อยประแป้ง ว่านหมื่นปี นอกจากนี้ พืชที่มีน้ำยางขาว ซึ่งมีสารฟอบอล ไดเตอพีนอยด์ เมื่อรับประทานเข้าไปบางรายอาจถึงแก่ชีวิต คือ พญาไร้ใบ สลัดได โป๊ยเซียน และคริสต์มาส รวมถึงพืชกลุ่มที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วทำให้แบ่งเซลล์ไม่ได้ เสียชีวิตเช่นกัน ได้แก่ มะกล่ำตาหนู ละหุ่ง ดองดึง
ศ.นพ.วินัย กล่าวว่า 2.กลุ่มอาการที่เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้ คือ รากมันสำปะหลัง โล่ติ้น หางไหล หน่อไม้ และผักเสี้ยน ขณะที่เมล็ดมันแกวหากรับประทานจะคลื่นไส้ อาเจียน สับสน วุ่นวาย มีอาการทางหัวใจและเสียชีวิต 3.กลุ่มอาการพิษต่อสมองทั้งฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางและส่วนหลัง คือ ฝิ่น กัญชา เห็ดขี้ควาย กระท่อม ต้อนแสลงใจ ลำโพง เป็นต้น 4.กลุ่มอาการต่อระบบหัวใจ หากรับประทานทำให้ชีพจรเต้นช้า คือ ยี่โถ รำเพย ชวนชม พันซาด และ 5.กลุ่มอาการพิษต่อไต ทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน ได้แก่ ลูกเนียง เกิดอาการหลังได้รับ 2-14 ชั่วโมง ส่วนผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตห้ามรับประทานมะเฟือง เพราะจะเกิดอันตรายอย่างมาก ซึ่งมีรายงานว่าผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตแม้กินมะเฟือง 1 ชิ้นก็เกิดอันตรายอย่างมากหลังจากนั้น 2.5-14 ชั่วโมง แม้คนปกติจะดื่มน้ำมะเฟืองได้ 1.5-3 ลิตร และที่ทำให้เกิดไตวายเรื้อรัง ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีพืชที่มีพิษเช่นนี้
"ไม่เพียงแต่พิษจากพืชเท่านั้นที่ ต้องระมัดระวัง ภาวะเป็นพิษจากสมุนไพรก็สำคัญและต้องป้องกัน โดยเฉพาะสารเสริมอาหารที่สกัดจากสมุนไพร 4 ชนิด คือ เซนต์จอห์นเวิร์ต กระเทียม แปะก๊วย และโสม เนื่องจากหากรับประทานตามธรรมชาติอาจออกฤทธิ์ราว 1-2% แต่เมื่อนำมาสกัดเป็นแบบแคปซูลจะทำให้ความเข้มข้นของสารสูงขึ้น และมีโอกาสที่จะทำปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นที่รับประทานอยู่ด้วยได้ ทำให้ฤทธิ์แรงเกินเกิดภาวะเป็นพิษ อันตรายกับคนไข้ ดังนั้น การกินสารเสริมอาหารจากสมุนไพรแม้จะเป็นสารธรรมชาติก็ไม่ได้ปลอดภัย 100% หากกินสมุนไพรควรแจ้งให้แพทย์ทราบ" ศ.นพ.วินัย กล่าว
กลอย
มันสำปะหลัง
ลำโพง/มะเขือบ้า
โพธิ์ฝรั่ง http://frynn.com/
ฝิ่นต้น http://frynn.com/
มะกล่ำตาหนู aspca.org
บอน
ละหุ่ง
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต