จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย สุดใจ ชาญชาตรีรัตน์


เวลานี้ถือได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ รวมทั้งชาวนายอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดที่ราคา 15,000 บาทต่อตัน ของรัฐบาลที่เริ่มต้นจากการบิดเบือนกลไกตลาด ได้ออกดอกผลกลายเป็นปัญหาพ่นพิษไปทั่ว และกำลังกลับมา "ทำร้าย" ชาวนาอยู่ทุกวันนี้ เพราะขณะนี้ยังมีชาวนาอีกกว่า 9 แสนรายที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวรวมกว่า 1.1 แสนล้านบาท

รัฐบาลติดเงินชาวนา 4-5 เดือน สร้างปัญหาหนี้สินพอกพูน จนบางคนเครียดถึงขั้นฆ่าตัวตาย ทำให้ชาวนาจำนวนไม่น้อยเข็ดขยาดกับคำว่า "จำนำข้าว" กันเลยทีเดียว

และเมื่อรัฐบาลรักษาการพยายามดิ้น "ซิกแซก" วิธีหาเงินมาจ่ายหนี้ชาวนา ก็ยิ่งทำให้ปัญหาปะทุลุกลามมากขึ้น เช่นที่ธนาคารออมสินได้บทเรียนไปแล้ว เพราะการดำเนินการกู้เงินโดยตรงภายใต้รัฐบาลรักษาการเสี่ยงว่าจะขัดรัฐ ธรรมนูญ มาตรา 181(3) จึงไม่มีสถาบันการเงินไหนกล้าเสี่ยงด้วย

พิษโครงการจำนำข้าว ทำลายทั้งวงจรการผลิตและตลาดส่งออกข้าวไทย รวมทั้งทำลายชื่อเสียงข้าวไทย เพราะกระตุ้นให้ชาวนาเร่งปลูกข้าวเพื่อให้ได้ผลผลิตมาจำนำในราคาที่สูง โดยไม่ใส่ใจคุณภาพ เช่นที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำรายงานถึงนายกรัฐมนตรี กรณีผลตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวว่า ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดินและเกษตรกร ความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ และไม่เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีจุดเสี่ยงในทุกขั้นตอนนำไปสู่การทุจริต ขณะที่แน่ชัดว่าโครงการจำนำข้าวต้องขาดทุนมหาศาลจนอาจไม่สามารถปิดบัญชีได้ เพราะการตั้งราคารับจำนำที่สูงกว่าราคาตลาด ขณะที่การขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าราคาตลาด แถมระบายได้ทีละน้อย

เพราะ ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้พยายามที่จะดำเนินการขายข้าว อ้างว่ามีการทำสัญญาขายข้าวจีทูจีกับรัฐบาลจีนจำนวนมาก แต่ที่สุดก็กลายเป็นแค่ "ปาหี่"จึงทำให้เงินทุนหมุนเวียนของโครงการจำนำข้าวที่ครม.อนุมัติไว้ 5 แสนล้านบาทไม่เพียงพอ ส่งผลให้รัฐบาลรักษาการต้องดิ้นหาวิธีกู้เงินเพื่อมาจ่ายให้ชาวนาอีกกว่า 1.3 แสนล้านบาท

ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย แต่รัฐบาลยังไม่ยอมรับความจริง และไม่ยอมรับถึงความผิดพลาดของการดำเนินนโยบาย "ยืนกระต่ายขาเดียว" ว่าเป็นโครงการที่ดีและประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมายให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ออกแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ส่งสารถึงชาวนาว่า "เพราะเกมการเมืองทำให้สร้างกระบวนการทำลายโครงการจำนำข้าว เอาชาวนาเป็นตัวประกัน ทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินโครงการได้ด้วยความราบรื่น สกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลจ่ายเงินค่าข้าวให้ชาวนา"

การโยนบาปว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ "เกมการเมือง" ของฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ชุมนุม ที่น่าจะเป็นปลายเหตุของปัญหามากกว่า เพราะ ปมปัญหาที่รัฐบาลไม่มี "เงิน" จ่ายชาวนาเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 ก่อนที่รัฐบาลจะยุบสภาในวันที่ 9 ธันวาคม 2556 จนกลายเป็นรัฐบาลรักษาการ และซ้ำร้ายคือ ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังประกาศว่าหากกลับมาเป็นรัฐบาลก็จะเดินหน้าโครงการจำนำข้าวต่อ

แม้ ว่าบรรดากูรูเรื่องข้าว (ตัวจริง) ในประเทศไทยต่างออกมายืนยันและคัดค้านโครงการรับจำนำข้าว ไม่ว่าจะเป็น นายอัมมาร สยามวาลา, นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณของทีดีอาร์ไอ, ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล แม้กระทั่ง ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ที่ปรึกษาของรัฐบาล

แต่ เมื่อใครแสดงความคิดเห็นคัดค้าน รัฐบาลก็ตั้งโจทย์ว่าเป็นเกมการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม เป็นการตอกย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้รับฟัง หรือดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

รัฐบาลมอง ทุกอย่างเป็นเกมการเมือง จึงใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการเมืองเพียงเพื่อต่อชีวิตรัฐบาล ไม่ได้มีความจริง (ใจ) เพื่อแก้ปัญหาช่วยเหลือ "ชาวนา" กระดูกสันหลังของชาติ ดังที่นางสาวยิ่งลักษณ์กล่าว ปัญหาจึงได้ลามทุ่งไปทุกทางเช่นนี้

ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต