จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เปิดใจ"วิชา มหาคุณ"กรรมการปปช.คดีขายข้าว "จีทูจี" ชี้"จำนำข้าว"เสียหายรุนแรง เตือนรัฐบาลแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่ยอมหยุด ปัดเกี่ยวข้องการเมือง
นายวิชา มหาคุณ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวกับ"กรุงเทพธุรกิจ" ถึงความคืบหน้าในการแจ้งข้อกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก 15 คน กรณีการขายข้าวให้กับรัฐบาลจีน (จีทูจี) ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงแก้ต่างด้วยตนเอง มีรายละเอียดดังนี้]
นายวิชา กล่าวว่า คดีนี้ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกำหนดให้วันที่ 20 ก.พ.นี้ ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจ้งแก้ต่างด้วยตัวเอง แต่จะมาได้หรือไม่ต้องมีขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งมักจะให้ไม่เกิน 15 วัน ส่วนจะมีพยานหรือบุคคลอื่นมาร่วมรับฟังด้วยหรือไม่ ต้องพิจารณาเพิ่มเติมอีกครั้ง
ส่วนคดีที่เกี่ยวกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องละเลยและดำเนินการผิดพลาดโครงการรับจำนำข้าว นั้นได้นำไปรวมกับคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งสอดคล้องกับที่ ป.ป.ช. ได้ตั้งทีมสอบเรื่องนี้อยู่แล้วว่าน่าจะมีส่วนจากการดำเนินนโยบายผิดพลาดหรือไม่ แต่ยังไม่ได้มีการตั้งกรรมการไต่สวน จึงกำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งชุดมาดูแลเรื่องนี้ด้วยกัน ไม่ได้ทำอยู่คนเดียว
นายวิชา กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า ได้กำหนดเรียกพยาน คือ นายอภิสิทธิ์ และนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พรรคประชาธิปัตย์ และในวันที่ 6 ก.พ. นี้ นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย จะเข้าให้ข้อมูลเพิ่ม ซึ่งผู้อยู่ในวงการข้าวหลายคนได้แสดงความเป็นห่วงและพร้อมให้ข้อมูล เนื่องจากเห็นว่าเป็นประเด็นความเสียหายใหญ่หลวงที่วงการค้าข้าวได้รับและพร้อมที่แจ้งว่ามีข้อมูลความเสียหายที่ไทยดำเนินนโยบายการค้าที่ไม่เสรี เป็นการผูกขาด ตัดตอนโดยรัฐ
นอกจากนี้จะมีรองผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาร่วมให้ข้อมูลหลังจากที่ สตง. ได้มีหนังสือขอให้หยุดโครงการนี้ไปถึงรัฐบาล ถึง 3 ครั้ง แล้วก่อนหน้านี้
นายวิชา กล่าวถึงระยะเวลาในการไต่สวน ต้องแยกคดีอาญา ออกจากคดีถอดถอน เพราะถ้าเป็นคดีถอดถอนคือการให้รับผิดชอบทางการเมือง ไม่ใช่จะให้ต้องเข้าคุก ถอดถอนไม่ต้องส่งอัยการ แต่ส่งให้วุฒิสภา จากนั้นวุฒิสมาชิกจะตั้งคณะลูกขุนตรวจสอบข้อมูลและเข้าสู่กระบวนการชี้มูล ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของป.ป.ช. เป็นหน้าที่สภาทำให้ขั้นตอนเร็วกว่า ซึ่งเป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ คือ ให้กระทำโดยเร็ว กระบวนการทั้งหมดประมาณ 2-3 เดือน
นายวิชา กล่าวว่าในส่วนคดีอาญาต้อง ต้องทำด้วยความรอบคอบ ซึ่งจะมีกระบวนการอีกนาน หากอัยการไม่ฟ้อง ก็ต้องฟ้องเอง และต้องมองอีกว่าถ้ายื่นฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องให้เป็นมาตรฐานเดียวกันที่ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไปกับนักการเมืองคนอื่นๆก่อนหน้านี้ และถ้าถูกตีกลับก็จะถือว่าเสียหายของป.ป.ช.
"เราเตือนรัฐบาลนี้แล้ว 2 ครั้ง มีการไต่สวนเชิงป้องกัน ผ่านการทำวิจัยโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งรับผิดชอบในนามอนุกรรมการทำวิจัย ได้ระบุว่าการทำจำนำข้าวจะสร้างความเสียหายร้ายแรง และได้มีการยื่นให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรกเงียบๆ ไม่มีอะไร ครั้งที่สองจะหยุดหรือไม่หยุด แต่ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องนโยบายก็บอกว่าต้องปิดจุดอ่อน และวันหนึ่งเราค้นพบว่าไม่ใช่จีทูจี ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง แต่เป็นการแอบแฝง ใช้วิธีการเอาพรรคพวก บริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือเข้ามาเป็นตัวกลางและตัดประโยชน์ผู้เกี่ยวข้องวงการค้าข้าวทั้งหมด จนเกิดความเสียหาย มีชาวนามาร้องทำไมไม่ได้เงิน แสนกว่าล้าน มีแต่ใบประทวน และเรานำมาประมวล และพบว่ามันไม่ใช่กรณีปกติ ถ้าเราไม่แจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ตั้ง ว่าทำผิดหรือไม่อย่างไร ถือว่าเราบกพร่องต่อหน้าที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เมื่อตรวจสอบแล้วทั้งด้านป้องกัน ด้านปราบปรามแล้ว รู้ว่าเสียหายยังนิ่งเฉย ชาวบ้านเอาตาย เลี้ยงไว้เสียข้าวสุก เพราะเราได้เงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน"
นายวิชา กล่าวว่าการตัดสินของป.ป.ช.ไม่คิดถึงผลทางการเมือง หากไปคำนึงว่าผลการทำงานจะไปมีผลทางการเมือง จะไปกระทบคนนั้น คนนี้ ถือว่าใช้ไม่ได้ ต้องทำจิตให้เป็นกลาง เมื่อคดีมาอยู่ในมือเราก็ต้องทำให้เต็มที่ คุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้มีคดีนี้อย่างเดียว ยังมีอีกหลายคดี ประมาณ 45 คดี แต่ได้ให้ตกไป 10-20 คดี ที่เหลือ อีก 10 กว่าคดี อยู่ระหว่างไต่สวน และแสวงหาข้อเท็จจริง นอกจากคดีเหล่านี้ ก็มีคดีจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทซึ่งตั้งอนุกรรมการแล้ว และเงินกู้ 2 ล้านล้าน ซึ่งรอฟังความเห็นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ต้องทำใจ ว่าจะมีคดีกี่คดีอยู่ในมือ ก็ต้องทำให้เต็มที่
"แม้แต่นายอภิสิทธิ์ ก็มีหลายคดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การสลายการชุมนุม เรารอข้อมูลให้เพียงพอ เมื่อถามว่าทำไม ไม่รีบเหมือนคุณยิ่งลักษณ์ ก็นั้นมันเป็นคดีอาญา ไม่ใช่เรื่องถอดถอน มันเกี่ยวกับคนตาย ก็ต้องทำด้วยความรอบคอบ ต้องรอผลชันสูตร และการไต่สวน และเรื่องข้าว ก็มีประเด็นการระบายข้าว กับคุณพรทิวา นาคาศัย อดีตรมว.พาณิชย์ เราไม่ได้ทำข้างเดียว ถ้าคุณเป็นนักการเมืองคุณก็มีวันได้มาเป็นลูกค้าป.ป.ช.ไม่วันใดก็วันหนึ่ง" นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวทิ้งท้ายว่ากรณีข้าวถือว่ามีผลกระทบใหญ่มาก รวมถึงผลกระทบกับตัวเองด้วย เพราะถูกขู่ ไม่สามารถอยู่บ้านตัวเองได้ แม้เริ่มกระบวนการไต่สวน ก็ถูกคนมาร้องว่าไม่เป็นธรรม ไม่ให้เข้าสู่ผู้มาไต่สวน เราต้องทำใจ มีคนจับจ้องมองดู แต่เราเคยทำคดีหนักๆมาแล้ว อย่างพันธมิตร หนักไม่แพ้กัน สารพัด แรงกดดัน บ้านผมถูกยิง แต่จะต้องทำหน้าที่ต่อไป
"แม้เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าข้าวมาให้ข้อมูลเยอะ วงการนี้มีคนค้าข้าวกี่กลุ่ม เรามาเรียนรู้จากการไต่สวน กระบวนการทำอย่างไร หน้าแวร์เฮ้าส์ทำอย่างไร เรามาเรียนรู้ อีกหน่อยลากออก พ้นตำแหน่งไปแล้วมาขายข้าวได้เลย"นายวิชา กล่าว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
