สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

อย่าอิจฉาชาวนา วาทกรรมอำมหิต

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ฑิฆัมพร ศรีจันทร์



"อย่าอิจฉาชาวนา"-"ปล่อยให้น้องคนเล็กได้ลืมตาอ้าปากบ้าง"-"รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินมาถูกทางแล้วในเรื่องการจำนำข้าว"

ประโยคเหล่านี้ได้ยินกันบ่อยในคราวอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ของสภาผู้แทนราษฎร ฟากฝั่งรัฐบาล ในห้วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

หลังจากส.ส.ฝ่ายค้านเปิดประเด็นความไม่ชอบมาพากล ในขั้นตอนกระบวนการรับจำนำข้าว ภายใต้การนำของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นวาทกรรมที่ยกเอาชาวนาขึ้นมาเป็นเกราะกำบัง สร้างความชอบธรรมให้กับโครงการ ในท่วงทำนองโครงการมีประสิทธิภาพเดินมาถูกทางและไม่จำเป็นต้องปรับปรุง

ประหนึ่งว่าใครโจมตีข้อบกพร่อง ใครให้ข้อมูลเพื่อทัดทานความเสียหายโครงการนี้ จะถูกตีกรอบให้เป็นพวกไม่รักชาวนา ไม่อยากให้ชาวนามีรายได้ ไม่อยากให้ชาวนาลืมตาอ้าปาก

แทนที่จะถกเถียงกันในเนื้อหาสาระ ให้เกิดปัญญาในการขับเคลื่อนนโยบาย ใช้เม็ดเงินให้มีประสิทธิภาพสมกับผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง ประหนึ่งว่า "ถามวัวตอบควาย"

โครงการจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เริ่มต้นในฤดูกาลปี 54/55 เรียกกันว่าข้าวนาปี 118,576 ล้านบาท ต่อด้วยข้าวนาปรังปี 55 ใช้เงินไป 218,670 ล้านบาท ตามมาด้วยข้าวเปลือกนาปี 55/56 ใช้เงินไป 219,738 ล้านบาทและมาถึงข้าวนาปรังปี56ล่าสุดใช้เงินไปอีก 31,724 ล้านบาท เมื่อถึงวันที่ 14 พ.ค.2556 ที่ผ่านมา และยังมีข้าวเข้าสู่โครงการอย่างต่อเนื่อง รวมใช้เงินไปแล้วทั้งสิ้น 588,708 ล้านบาท มีเงินคืนมาจากขายข้าวของรอบปี 54/55 บันทึกรายรับ ณ วันที่ 31 ม.ค. 2556 เป็นเงิน 20,850 ล้านบาท และมีรายรับเข้ามาจากการขายข้าวรอบปี 56 บันทึก ณ วันที่ 14 พ.ค. วงเงิน 59,145 ล้านบาท รวมรายรับ 79,995 ล้านบาท

รายจ่าย 5.88 แสนล้านบาท รายรับ 7.99 หมื่นล้านบาท หากเป็นธุรกิจ มีบริษัทไหนจะยืนหยัดอยู่ได้ เมื่อรายจ่ายสูงขนาดนี้และรายรับน้อยขนาดนี้ ซึ่งอาจมีประเด็นโต้แย้งว่ายังมีสินค้าคงเหลือในสต็อกรอวันจำหน่าย ยอดยังไม่ปิดบัญชี แต่สินค้าคงเหลือในสต็อกเสื่อมลงทุกวันๆ ด้อยค่าลงทุกวัน ไม่รวมค่าบริหารจัดการสต็อกที่ปรับขึ้นเป็นเงาตามตามตัว ต้นทุนดอกเบี้ย ต้นทุนค่าเช่าโกดัง ต้นทุนค่าแปรสภาพ

เป็นข้อมูลงบดุลโครงการจำนำข้าว ที่ถูกทวงถามจากสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เป็นอันถูกเด้งจากจากภารกิจนี้ทันทีเมื่อทวงถามด้วยความเป็นห่วง ว่างบประมาณจะบานปลาย ต้องการให้ใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ

รายจ่ายไม่มีทีท่าสิ้นสุด เพราะรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการต่อไปเรื่อยๆ กลายเป็นหนี้สะสมแบบดินพอกหางหมู 5แสนล้าน 6 แสนล้าน และอาจสูงไปถึง 8 แสนล้าน เพราะข้าวที่รับเข้ามาขายไม่ออก แม้จะมีเซ็นสัญญารัฐต่อรัฐหลายประเทศ อย่างที่บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ออกมายืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บุญทรง ไม่ได้ขยายความบันทึกสัญญาจีทูจี แต่ในบันทึกจะซื้อขายกันในราคาตลาด ขณะที่ราคาตลาดข้าวไทยอยู่ที่ 550 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ข้าวอินเดีย เวียดนามขายกันอยู่ที่ 400 ดอลลาร์ต่อตัน ผู้ซื้อจึงวิ่งไปเวียดนาม อินเดียก่อนมาไทย

รายรับที่เข้ามาจึงเป็นเพียงการขายข้าวถุงในประเทศในราคาถูกๆ ในกระบวนการที่ไม่โปร่งใส จากที่รับจำนำข้าวเปลือกมา 1.5 หมื่นบาทต่อตัน คิดเป็นข้าวสาร 2.3 หมื่นบาทตัน แต่ขายกันในราคา 1.4-1.5 หมื่นบาท ราคาข้าวถุงในประเทศจึงไม่วิ่งตามต้นทุน ในระหว่างทางเต็มไปด้วยกระบวนการรั่วไหลของเงินหลวงตั้งแต่สวมสิทธิชาวนา โกงความชื้น โกงตาชั่ง จนกระทั่งข้าวอยู่ในสต็อกเพื่อรอขาย

นี่คือผลขาดทุนมหาศาล นี่คืองบประมาณบานปลาย
ไม่ได้อิจฉาชาวนา ถ้าเงินเหล่านี้ตกถึงมือพวกเขาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่เห็นพวกเขาเป็นเครื่องมือ
เป็นแค่เกราะกำบัง เพื่อความชอบธรรม ของกระบวนการฉ้อฉล

"อย่าอิจฉาชาวนา" จึงเป็นวาทกรรมที่อำมหิตต่อชาวนายิ่งนัก


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : อย่าอิจฉาชาวนา วาทกรรมอำมหิต

view